"ขนมชั้น" แสนอร่อย ใบเตยหอมสุดเย้ายวน กินพออร่อยได้ แต่ระวังอ้วน | คมชัดลึก

“ขนมชั้น” ของหวานที่ใครหลายๆ ชื่นชอบ เพราะนอกจากสีเขียวของเจ้าขนมชนิดนี้ ที่ทำให้ดูสบายตา แถมยังมีลวดลายแบ่งเป็นชั้นๆ สลับสีขาวอ่อนๆ เพราะเมื่อทุกครั้งที่มองแล้ว ก็อดใจ ไม่ให้หยิบขึ้นมาลิ้มลอง กับรสชาติที่แสนอร่อย หวานหอมไปกับกลิ่นใบเตย แทบจะไม่ได้

 

 

 

"ขนมชั้น" อาหารหวานโบราณ มักนิยมนำมาใช้ในงานมงคลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นงานแต่ง ขึ้นบ้านใหม่ หรือแม้กระทั่งนำไปใส่บาตรในทุกๆเช้า ก็ยังคงนำ “ขนมชั้น” ไปเป็นอาหารหวานได้ในทุกเทศกาล

 

  

หากจะว่าไปแล้ว การหา “ขนมชั้น” อร่อยๆ กินแบบฟินๆ ตามด้วยกาแฟสูตรโบราณหอมกรุ่นสักแก้ว ถือว่าไม่ง่ายนัก เพราะปัจจุบันบรรดาร้านกาแฟโบราณ ต่างล้มหายตายจากกันไปเป็นแถวๆ ส่วนหนึ่งไม่ใช่เกี่ยวกับเรื่องพิษเศรษฐกิจ หรือการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด แต่เป็นเพราะช่วงรับไม้ต่อ หรือรับช่วงกิจการ ขาดการต่อยอด ดังนั้น จึงทำให้ร้านกาแฟโบราณ ที่เคยเห็นอาม่า อากง อาแปะ ยืนชงกาแฟมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ ปิดตัวกันไปตามๆกัน

 

  

ขณะที่ "ขนมชั้น" ซึ่งถือว่าเป็นของกินที่แพร่หลาย เพราะทุกมุมเมือง หรือตามตลาดนัด ก็มักจะพบกับขนมชั้น ซึ่งถูกนำมาวางขายกันทั่วไป แต่ประเด็นหลักๆ ของ "ขนมชั้น" ในวันนี้ จึงไม่การวางขายที่แพร่หลาย แต่การจะหา “ขนมชั้น”ที่แสนอร่อยได้รับประทาน อันนี้ซิ..ช่างแสนลำบาก

 

ทั้งนี้ สำหรับลักษณะที่ดีของขนมชั้น คือ ขนมทุกชั้นจะต้องสุก และลอกได้เป็นแผ่นๆ หรือชั้นๆ หน้าเรียบเสมอ ผิวหน้ามันจากกะทิ เนื้อจะเหนียวนุ่ม ขนมชั้นจะใช้แป้งรวมกันถึง 3 ชนิด  ซึ่งแต่ละชนิดจะมีคุณสมบัติแตกต่างกันไป เช่น แป้งมัน และแป้งเท้ายายม่อมจะให้คุณสมบัติ ในการทำให้ขนม “เหนียว นุ่ม ไม่กระด้าง”

 

สำหรับ "ขนมชั้น" 1 ชิ้นเล็กๆ ถือว่าให้พลังงานค่อนข้างมาก มีปริมาณของโปรตีนน้อย เพราะขนมชั้นมีส่วนผสมหลักคือ แป้ง กะทิ น้ำตาลเท่านั้น และเนื่องจากมีส่วนผสมของกะทิในปริมาณมาก ทำให้มีไขมันชนิดอิ่มตัว และโคเลสเตอรอลสูง ถ้าบริโภคเป็นจำนวนมาก จะทำให้มีความเสี่ยงต่อโรคอ้วน โคเลสเตอรอลในเลือดสูง โรคหัวใจขาดเลือดได้ ดังนั้น จึงไม่แนะนำให้ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคเหล่านี้กินขนมชั้น

 

นอกจากจะมีไขมันในปริมาณมากแล้ว ยังมีรสหวานค่อนข้างมาก เมื่อกินเข้าไปมากเกินความต้องการของร่างกาย พลังงานส่วนเกินที่ได้จะเปลี่ยนจากอาหาร ให้เป็นไขมัน แล้วนำไปสะสมบริเวณหน้าท้อง ต้นขา และเอว ทำให้รูปร่างไม่น่าดู และเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ ที่มากับโรคอ้วน

 

 

ขอบคุณข้อมูล  /  หมอชาวบ้าน