เช็ก 7 เรื่องต้องรู้ ก่อนเตรียมห้องนอนลูกทารก
เชื่อว่าครอบครัวที่มีคุณแม่กำลังตั้งครรภ์หลายบ้าน คงคิดวางแผนจะทำห้องนอนน่ารักให้เบบี๋อยู่ แต่รู้ไหมว่าห้องนอนของทารกต้องเลือกและจัดวางอย่างรอบคอบทุกด้าน เราจึงมาชวนเช็ก 7 เรื่องสำคัญ เพื่อเตรียมห้องนอนลูกได้อย่างพิถีพิถันและถูกต้องมาฝาก
1. เลือกที่ตั้งของห้องให้ดี คำแนะนำคือห้องนอนเด็กควรอยู่ใกล้ห้องนอนพ่อแม่ หรือใกล้กับห้องนั่งเล่นในบ้านเพื่อจะได้ดูแลลูกได้สะดวก เดินเข้า-ออกไม่ไกลเกินไปและหากห้องใกล้ห้องนั่งเล่นก็จะทำให้ทุกคนที่ใกล้ชิดในบ้านสามารถเข้ามาดูแลช่วยเหลือลูกเราได้ง่ายนั่นเอง
2. ควรเป็นห้องที่มีพื้นที่กว้าง ไม่คับแคบเดินเข้าไม่สะดวกเพื่อที่จะจัดวางเฟอร์นิเจอร์และของใช้จำเป็นให้ลูกได้ครบถ้วน คุณแม่หรือพี่เลี้ยงไม่ต้องเสียเวลาเดินไปหยิบของห้องอื่น และเฟอร์นิเจอร์ในห้องเด็กก็มักจะต้องใช้พื้นที่กว้าง เพื่อวางทั้งเตียงเด็ก เปลนอน เพลเพน ที่เปลี่ยนผ้าอ้อม เก้าอี้ให้นม วางโต๊ะหรือตู้สำหรับเก็บของได้สะดวก ควรจะมีระยะห่างที่พอดีหรือมีทางเดินให้คุณแม่เข้าไปแล้วเลี้ยงลูก ให้นมแม่ได้ไม่ลำบาก จะเดินเข้าไปอุ้ม นั่งพัก หยิบของก็สบายไม่ติดขัด รวมถึงเมื่อลูกโตขึ้นจะได้ไม่สามารถเอื้อมหรือปีนมาคว้าจับตู้โต๊ะที่อยู่ใกล้เตียงจนเป็นอันตรายได้
3. เป็นห้องที่มีอากาศถ่ายเทได้ดี ไร้สิ่งแวดล้อมเป็นพิษ ไม่ใกล้ถนน ไม่ใกล้แหล่งที่มีฝุ่นละออง ควันรถยนต์ สารพิษหรือเสี่ยงเชื้อโรค เช่น ห่างจากถนน ไม่ใกล้ที่จอดรถ ไม่ใกล้ห้องครัวหรือบริเวณที่เก็บขยะ แต่หากต้องใช้ห้องนอนใกล้กับพื้นที่เหล่านี้ ต้องปิดห้องนอนลูกให้มิดชิด มีเครื่องฟอกอากาศ ปรับอากาศกรองฝุ่น ป้องกันไม่ให้ลูกสูดดมฝุ่น ควันพิษและเชื้อโรค
4.ควรเป็นห้องที่มีแสงสว่างเหมาะสม ไม่มืดหรือสว่างเกินไป ยิ่งหากมีระบบไฟส่องสว่างที่ปรับได้ยิ่งดีเพราะจะได้ปรับไปตามการเลี้ยงลูก เช่น ห้องควรจะสว่างพอให้คุณแม่มองเห็นลูกเบบี๋ได้ชัดเจน หรือช่วงที่กล่อมนอนก็ควรมีแสงไฟริบหรี่ชวนให้ลูกทารกหลับได้ง่ายไม่งอแง ที่สำคัญไฟสว่างในห้องที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณแม่หยิบจับของใช้เลี้ยงลูกได้ไม่พลาดและไม่เกิดอันตราย แต่หากไฟในห้องปรับไม่ได้อาจติดมู่ลี่หรือม่านบังแดดหรือปรับไม่ให้แสงแยงตาลูกน้อย
5.ควรเป็นห้องที่เงียบสงบไม่มีเสียงรบกวน ไม่มีเสียงดังทำให้ลูกตื่นง่าย นอนไม่เต็มที่จนร้องไห้งอแง เช่น ห้องนอนลูกไม่ควรใกล้กับห้องครัว ป้องกันกลิ่นอาหารเข้ามาห้องลูกได้ง่าย ไม่ใกล้ห้องซักล้างหรือใกล้กับห้องที่ต้องก่อสร้างหรือซ่อมแซม รวมทั้งห้องนอนลูกทารกควรอยู่ห่างบริเวณที่มีคนพลุกพล่านด้วย
6. ห้องนอนลูกควรมีพื้นที่เรียบ สะอาด ไม่ลื่นไม่ขรุขระและปลอดภัย ป้องกันอุบัติเหตุไม่ให้คุณแม่ลื่นหกล้มในขณะอุ้มลูก ประตูต้องปิดสนิทไม่เปิดง่ายจนทำให้คนอื่นในบ้าน เด็กโต สัตว์เลี้ยง ยุงหรือแมลงต่างๆ เข้าไปได้ง่าย เพื่อให้คุณแม่เข้าออกสะดวกปลอดภัยสุขภาพดี ไม่มีสิ่งที่เป็นอันตรายมาทำร้ายทั้งคุณแม่คุณลูก
7. มองหาระบบความปลอดภัย นอกจากการติดอุปกรณ์เซฟตี้ป้องกันการกระแทกตามเหลี่ยมมุมของเฟอร์นิเจอร์เด็ก มีที่ปิดรูปลั๊กไฟ ยึดชั้นวางโต๊ะเตียงไม่ให้โค่นล้มลงมาได้ง่ายแล้ว อาจลองหาข้อมูลการติดตั้งระบบความปลอดภัยในห้องนอนลูก เพื่อจะได้มองเห็นลูกตลอดเวลาและช่วยเหลือยามฉุกเฉินได้ทันที เช่น กล้องวงจรปิด สัญญาณเตือน เบบี้มอนิเตอร์ที่เดี๋ยวนี้มีให้เลือกมากมาย แถมใช้ง่ายทันสมัย เพราะมองดูลูกทารกได้ตลอดเวลาผ่านทางโทรศัพท์มือถือ
...เมื่อเช็กครบทั้ง 7 ข้อแล้ว จากนี้คุณพ่อคุณแม่ก็เตรียมเลือกช้อปเฟอร์นิเจอร์และของใช้ลูกกันต่อได้เลยค่ะ...