ตรัง ผู้บังคับบัญชาสั่งลงโทษนายทหารชั้นประทวน คนที่โวยผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง และนายอำเภอรัษฎา ไม่ให้ผ่านเส้นทางสายรองที่ถูกปิดตาย
ตรัง ผู้บังคับบัญชาสั่งลงโทษนายทหารชั้นประทวน คนที่โวยผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง และนายอำเภอรัษฎา ไม่ให้ผ่านเส้นทางสายรองที่ถูกปิดตาย ตามคำสั่งและมาตรการจังหวัด ขณะเดียวกันลงโทษผู้บังคับบัญชาระดับ ผบ.ร้อยด้วย
วันที่ 18 เมษายน 2563 ตามที่สื่อมวลชนได้นำเสนอภาพและข่าว กรณีนายลือชัย เจริญทรัพย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง พร้อมด้วย นางเอื้อจิตร เจริญทรัพย์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดตรัง และนายอนันต์ พรหมเพียรพงศ์ นายอำเภอรัษฎา ลงพื้นที่ตรวจดูความเรียบร้อยในการทำงานเจ้าหน้าที่ประจำด่านย่อย ซึ่งอยู่บนถนนสายรอง หมู่ 9 ต.หนองบัว อ.รัษฎา จ.ตรัง พื้นที่รอยต่อกับ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีฯ เพื่อกำชับให้การปฏิบัติหน้าที่เป็นไปตามคำสั่งและมาตรการจังหวัดตรังอย่างเคร่งครัด โดยไม่อนุญาตให้รถและคนผ่านเส้นทางดังกล่าวแต่ประการ แต่ให้ไปเข้าด่านคัดกรองหลักที่ ต.คลองปาง อ.รัษฎา ซึ่งมีระบบการคัดกรองรถและคนอย่างเข้มข้น โดยไม่อนุญาตให้คนหรือรถที่ไม่ได้รับการยกเว้นในคำสั่งผ่านเข้าจังหวัดตรังอย่างเด็ดขาด แต่ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดตรังลงพื้นที่นั้นได้ ได้พบกับทหารนายหนึ่ง สังกัด มณฑลทหารบกที่ 43 ที่ในมือถือถือหนังสือรับรองการเดินทางในช่วงประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ผู้บังคับบัญชาออกให้มาแสดงกับเจ้าหน้าที่ประจำด่าน รวมทั้งกับผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอรัษฎา เพื่อขอผ่านด่าน แต่ผู้ว่าราชการจังหวัดตรังและนายอำเภอได้อธิบาย ทำความเข้าใจกับทหารนายดังกล่าว ว่าหากจะเข้าจังหวัดตรังสามารถเข้าได้แต่ต้องเข้าทางด่านหลักที่มีจุดคัดกรองเท่านั้น ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับทหารคนนั้นเป็นอย่างมาก จนมีการโต้เถียงกันเกิดขึ้น โดยทางผู้ว่าฯยืนยันในคำสั่งจังหวัด ไม่เกี่ยวกับคำสั่ง พ.ร.ก. สุดท้ายทหารนายดังกล่าวก็ต้องยอมกลับไปเข้าทางด้านหลัก คือ ต.คลองปาง อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าทหารนายดังกล่าวทราบเส้นทางสัญจรไปมาในพื้นที่รอยต่อ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีฯ กับ อ.รัษฎา จ.ตรัง เป็นอย่างดี จึงเจตนาหลบเลี่ยงด่านหลัก เนื่องจากมีรถติดจำนวนมาก จึงอาศัยความชำนาญเส้นทางหลบเลี่ยงไปใช้เส้นทางสายรอง จนเจอด่านปิดตาย จนทำให้มีปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2563 หลังจากข่าวได้ถูกนำเสนอออกไปทำให้ทราบว่า ทางผู้บังคับบัญชาได้สั่งการให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริง ในกรณีนายทหารชั้นประทวนนายดังกล่าว (จ.ส.อ.พีรศักดิ์ จำปา ) ใช้กิริยาวาจาไม่สมควรกับผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง นายอำเภอรัษฎา และเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจ ทั้งนี้ ได้พิจารณาความผิดโดยการสั่งลงทัณฑ์โดยการ “จำขัง” นายทหารชั้นประทวนนายดังกล่าว เป็นเวลา 45 วัน ณ มทบ.ที่ 43 อ.ทุ่งสง จ.นครศรีฯ และส่งไปฝึกที่ศูนย์ฝึกธำรงวินัย กองทัพภาค 4 (มทบ.41) และให้งดเงินบำเหน็จประจำปี 2563 ครึ่งปีหลัง นอกจากนั้นได้สั่งการให้ผู้บังคับบัญชา ( พ.ต.ลิขิต ชาฎา ) ตำแหน่ง ผู้บังคับกองร้อยหน่วยลาดตระเวนไกล พล.ร.5 ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของทหารนายดังกล่าวไปปฏิบัติหน้าที่ที่กองบัญชาการ พล.ร.5
ทางด้านนายลือชัย เจริญทรัพย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง บอกว่า ตนเองไม่อยากจะแสดงความเห็นในเรื่องนี้ แต่ยืนยันว่าในตัว พ.ร.ก ข้าราชการ ตำรวจ ทหาร ตนเองไม่ได้ไปบอกว่าไม่ใช่ แต่บอกว่าถ้าจะเข้าจังหวัดตรังจะต้องไปเข้าทางด่านคัดกรอง ทั้งนี้ คำสั่งจังหวัดบางเรื่องอาจจะมีข้อบังคับที่มากกว่า พ.ร.ก. ในส่วนของจังหวัดตรังในฐานะที่ตนเองทำหน้าที่เป็นผู้กำกับในสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่จังหวัดสามารถกำหนดในบางเรื่องได้ ที่จะระงับยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคและการควบคุมโรค การที่จะเข้ามาสามารถเข้าได้ แต่จะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขของจังหวัด โดยเฉพาะเรื่องสำคัญที่สุดคือ การคักกรอง เพราะเจตนาสำคัญที่สุดคือ การระงับยับยั้งการป้องกันโรค เพราะฉะนั้นต้องผ่านด่านหลักที่กำหนดเท่านั้น ซึ่งขณะนี้ประชาชนอยู่ภายใต้ข้อกำหนด 2 ส่วนคือ พ.ร.ก.ของรัฐบาล และคำสั่งจังหวัดที่ตนเองออก ซึ่งสาระสำคัญเกี่ยวกับเรื่องการเข้าออกจังหวัดตรัง ตามเงื่อนไขในคำสั่ง การที่จะเข้าทางด่านอื่นโดยอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ไม่ได้ เพราะไม่ได้มีหลักฐานแสดงว่าให้ปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งจังหวัดตรังยืนยันจะต้องปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเข้มงวดต่อไป เพื่อปกป้องระงับยับยั้งและป้องกันการระบาดของเชื้อในพื้นที่
สุนิภา หนองตรุด ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.ตรัง