สั่งขัง 45 วัน ทหารโวย ผวจ.ตรังไม่ให้ผ่านเส้นทางสายรองที่ถูกปิด
ตรัง ผู้บังคับบัญชาสั่งลงโทษนายทหารชั้นประทวน คนที่โวยผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง และนายอำเภอรัษฎา ไม่ให้ผ่านเส้นทางสายรองที่ถูกปิดตาย
ตรัง ผู้บังคับบัญชาสั่งลงโทษนายทหารชั้นประทวน คนที่โวยผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง และนายอำเภอรัษฎา ไม่ให้ผ่านเส้นทางสายรองที่ถูกปิดตาย ตามคำสั่งและมาตรการจังหวัด ขณะเดียวกันลงโทษผู้บังคับบัญชาระดับ ผบ.ร้อยด้วย
วันที่ 18 เมษายน 2563 ตามที่สื่อมวลชนได้นำเสนอภาพและข่าว กรณีนายลือชัย เจริญทรัพย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง พร้อมด้วย นางเอื้อจิตร เจริญทรัพย์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดตรัง และนายอนันต์ พรหมเพียรพงศ์ นายอำเภอรัษฎา ลงพื้นที่ตรวจดูความเรียบร้อยในการทำงานเจ้าหน้าที่ประจำด่านย่อย ซึ่งอยู่บนถนนสายรอง หมู่ 9 ต.หนองบัว อ.รัษฎา จ.ตรัง พื้นที่รอยต่อกับ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีฯ เพื่อกำชับให้การปฏิบัติหน้าที่เป็นไปตามคำสั่งและมาตรการจังหวัดตรังอย่างเคร่งครัด โดยไม่อนุญาตให้รถและคนผ่านเส้นทางดังกล่าวแต่ประการ แต่ให้ไปเข้าด่านคัดกรองหลักที่ ต.คลองปาง อ.รัษฎา ซึ่งมีระบบการคัดกรองรถและคนอย่างเข้มข้น โดยไม่อนุญาตให้คนหรือรถที่ไม่ได้รับการยกเว้นในคำสั่งผ่านเข้าจังหวัดตรังอย่างเด็ดขาด แต่ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดตรังลงพื้นที่นั้นได้ ได้พบกับทหารนายหนึ่ง สังกัด มณฑลทหารบกที่ 43 ที่ในมือถือถือหนังสือรับรองการเดินทางในช่วงประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ผู้บังคับบัญชาออกให้มาแสดงกับเจ้าหน้าที่ประจำด่าน รวมทั้งกับผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอรัษฎา เพื่อขอผ่านด่าน แต่ผู้ว่าราชการจังหวัดตรังและนายอำเภอได้อธิบาย ทำความเข้าใจกับทหารนายดังกล่าว ว่าหากจะเข้าจังหวัดตรังสามารถเข้าได้แต่ต้องเข้าทางด่านหลักที่มีจุดคัดกรองเท่านั้น ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับทหารคนนั้นเป็นอย่างมาก จนมีการโต้เถียงกันเกิดขึ้น โดยทางผู้ว่าฯยืนยันในคำสั่งจังหวัด ไม่เกี่ยวกับคำสั่ง พ.ร.ก. สุดท้ายทหารนายดังกล่าวก็ต้องยอมกลับไปเข้าทางด้านหลัก คือ ต.คลองปาง อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าทหารนายดังกล่าวทราบเส้นทางสัญจรไปมาในพื้นที่รอยต่อ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีฯ กับ อ.รัษฎา จ.ตรัง เป็นอย่างดี จึงเจตนาหลบเลี่ยงด่านหลัก เนื่องจากมีรถติดจำนวนมาก จึงอาศัยความชำนาญเส้นทางหลบเลี่ยงไปใช้เส้นทางสายรอง จนเจอด่านปิดตาย จนทำให้มีปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2563 หลังจากข่าวได้ถูกนำเสนอออกไปทำให้ทราบว่า ทางผู้บังคับบัญชาได้สั่งการให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริง ในกรณีนายทหารชั้นประทวนนายดังกล่าว (จ.ส.อ.พีรศักดิ์ จำปา ) ใช้กิริยาวาจาไม่สมควรกับผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง นายอำเภอรัษฎา และเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจ ทั้งนี้ ได้พิจารณาความผิดโดยการสั่งลงทัณฑ์โดยการ “จำขัง” นายทหารชั้นประทวนนายดังกล่าว เป็นเวลา 45 วัน ณ มทบ.ที่ 43 อ.ทุ่งสง จ.นครศรีฯ และส่งไปฝึกที่ศูนย์ฝึกธำรงวินัย กองทัพภาค 4 (มทบ.41) และให้งดเงินบำเหน็จประจำปี 2563 ครึ่งปีหลัง นอกจากนั้นได้สั่งการให้ผู้บังคับบัญชา ( พ.ต.ลิขิต ชาฎา ) ตำแหน่ง ผู้บังคับกองร้อยหน่วยลาดตระเวนไกล พล.ร.5 ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของทหารนายดังกล่าวไปปฏิบัติหน้าที่ที่กองบัญชาการ พล.ร.5
ทางด้านนายลือชัย เจริญทรัพย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง บอกว่า ตนเองไม่อยากจะแสดงความเห็นในเรื่องนี้ แต่ยืนยันว่าในตัว พ.ร.ก ข้าราชการ ตำรวจ ทหาร ตนเองไม่ได้ไปบอกว่าไม่ใช่ แต่บอกว่าถ้าจะเข้าจังหวัดตรังจะต้องไปเข้าทางด่านคัดกรอง ทั้งนี้ คำสั่งจังหวัดบางเรื่องอาจจะมีข้อบังคับที่มากกว่า พ.ร.ก. ในส่วนของจังหวัดตรังในฐานะที่ตนเองทำหน้าที่เป็นผู้กำกับในสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่จังหวัดสามารถกำหนดในบางเรื่องได้ ที่จะระงับยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคและการควบคุมโรค การที่จะเข้ามาสามารถเข้าได้ แต่จะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขของจังหวัด โดยเฉพาะเรื่องสำคัญที่สุดคือ การคักกรอง เพราะเจตนาสำคัญที่สุดคือ การระงับยับยั้งการป้องกันโรค เพราะฉะนั้นต้องผ่านด่านหลักที่กำหนดเท่านั้น ซึ่งขณะนี้ประชาชนอยู่ภายใต้ข้อกำหนด 2 ส่วนคือ พ.ร.ก.ของรัฐบาล และคำสั่งจังหวัดที่ตนเองออก ซึ่งสาระสำคัญเกี่ยวกับเรื่องการเข้าออกจังหวัดตรัง ตามเงื่อนไขในคำสั่ง การที่จะเข้าทางด่านอื่นโดยอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ไม่ได้ เพราะไม่ได้มีหลักฐานแสดงว่าให้ปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งจังหวัดตรังยืนยันจะต้องปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเข้มงวดต่อไป เพื่อปกป้องระงับยับยั้งและป้องกันการระบาดของเชื้อในพื้นที่
สุนิภา หนองตรุด ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.ตรัง