หนุ่มพิการเมืองคอนถ่อสังขารลงทะเบียน "เราชนะ" หลายวันยังไม่ได้ น้อยใจคิดฆ่าตัวตาย
หนุ่มพิการเมืองคอนถ่อสังขารลงทะเบียน "เราชนะ" หลายวันยังไม่ได้ ซ้ำเจ้าหน้าที่ธนาคารไม่สนใจช่วย-ไล่ไปตาย เล่าชีวิตสุดลำบากอาศัยอยู่กับแม่วัยชรา น้อยใจคิดฆ่าตัวตายโชคดีพระผ่านมาเห็นก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเย็นวานนี้ (18 ก.พ. 2564) ศูนย์ข่าวนคร 24 ชม. สมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือจากพระมหาอารยนันต์ อานันโท รักษาการเจ้าอาวาสวัดเขาพระทอง อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ว่าพบหนุ่มพิการเป็นอัมพฤกษ์นั่งรถเข็ญแบบโยกล้อเลื่อนมายังธนาคารรัฐหลายธนาคาร เพื่อขอลงทะเบียน "เราชนะ" แต่ไม่สามารถโยกรถเข็นขึ้นไปบนธนาคารได้ และไม่ได้รับความสนใจจากผู้ใด ทำให้รู้สึกน้อยใจชะตาชีวิตของตนเอง นั่งร้องให้อย่างน่าเวทนาสงสารอยู่หลังสถานีรถไฟชะอวด
จึงเดินทางไปตรวจสอบและนัดพบกันที่บริเวณริมถนนสะพานโค้ง 100 ปีชะอวด พบชายพิการคนดังกล่าวกำลังโยกรถเข็ญจากบ้านพักมายังจุดนัดพบระยะทางจากบ้านกว่า 500 เมตร ทราบชื่ออาจินต์ เส้งสั้น อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 86 หมู่ 9 ต.เคร็ง อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ปัจจุบันได้มาเช่าห้องแถวหน้าสถานีรถไฟชะอวด พักอาศัยกับนางปฐม เส้งสั้น อายุ 76 ปี มีอาชีพขายผักเล็กๆน้อยๆ และเก็บของเก่าขาย
จากการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่านายอาจินต์ เส้งสั้น นั้นพิการไม่สามารถเดินได้ โดยมีรอยผ่าตัดกลางแผ่นหลังยาวประมาณ 15 นิ้ว มีแผลกดทับบริเวณสะโพกด้านซ้ายจนลึกถึงกระดูก เท้าทั้งสองข้างมีอาการบวมและลอกเป็นขุย ซึ่งนายอาจินต์จะต้องสวมแพมเพิสตลอดเวลา
นายอาจินต์ เล่าว่า ตนมีบ้านเดิมอยู่หมู่ 9 ต.เคร็ง อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช แต่ไปได้ภรรยาอยู่ อ.สังคม จ.หนองคาย ไม่มีลูกด้วยกัน จนเมื่อปลายปี 2562 ตนขึ้นต้นไม้ใหญ่เพื่อตีผึ้งแต่ฝนตกทำให้ลื่นพลัดตกจากต้นไม้ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลนานหลายเดือน และกลายเป็นผู้พิการเดินไม่ได้ ต้องนั่งบนรถเข็นตลอดเวลา และเนื่องจากตนไม่ได้ย้ายไปอยู่ จ.หนองคาย จึงไม่สามารถใช้สิทธิ์ 30 บาทรักษาทุกโรคที่ จ.หนองคาย ได้ ในขณะที่ตนจำเป็นต้องเข้ารับการบำบัดรักษาพยาบาลอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดตนได้กลับมาอยู่บ้านเพื่อจะได้ใช้สิทธิ์รักษาพยาบาลในพื้นที่ อ.ชะอวด เมื่อกลับมาอยู่บ้านกับแม่วัยชรา ปรากฏว่าแม่เกิดล้มป่วยจนต้องเข้ารับการผ่าตัดใหญ่จึงต้องขายบ้านและที่ดินมาเป็นค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดรักษาพยาบาล หมดเงินไปกว่า 1 แสนบาท และยังมีเงินเหลืออยู่จำนวนหนึ่ง แต่ญาติพี่น้องของแม่มายืมไปและไม่ยอมใช้คืนมาจนถึงทุกวันนี้
"ตนกับแม่จึงพากันมาเช่าบ้านอยู่ในตลาดสด หน้าสถานีรถไฟชะอวด ต.ชะอวด อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ค่าเช่าเดือนละ 2,500 บาท รวมค่าน้ำ ค่าไฟ โดยแม่ประกอบอาชีพขายผักเล็กๆน้อยๆหน้าบ้าน และเก็บของเก่าขายรายได้ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย อยู่กันอย่างยากลำบาก โดยตนเป็นอัมพฤกษ์และมีแผลกดทับที่สะโพกซ้ายลึกถึงกระดูกต้องใส่แพมเพิสตลอดเวลา ไม่สามารถทำงานใดๆได้ ซึ่งมีรายได้หลักจากเบี้ยยังชีพคนชราของแม่ และเมียรักจาก จ.หนองคาย ที่ส่งเงินมาให้ใช้เดือนละ 1,000 บาท"
นายอาจินต์ เล่าต่ออีกว่า ก่อนหน้าเงินช่วยเหลือผู้พิการ และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐตนก็ไม่ได้รับ โดยพยายามไปติดต่อกับทางที่ว่าการอำเภอชะอวดหลายครั้ง เจ้าหน้าที่อำเภอให้ตนไปติดต่อทำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐกับ อบต.เคร็ง แต่ทางนายกอบต. และ ส.อบต. ขับไล่ตนเหมือนหมูเหมือนหมา ไม่ยอมดำเนินการให้ ตนจึงนำเรื่องมาโพสต์ในโลกโซเชียล จนเจ้าหน้าที่สำนักนายกรัฐมนตรีเห็นจึงยื่นมือมาช่วยเหลือทำบัตรผู้พิการให้ ตนเพิ่งได้รับเงินช่วยเหลือผู้พิการมาได้เพียงไม่กี่เดือนนี่เอง ส่วนเรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้ และ อบต.เคร็ง ไม่ทำให้โดยอ้างว่าหมดเวลาแล้ว
จนกระทั่งรัฐบาลประกาศให้ไปลงทะเบียนโครงการ "เราชนะ" รัฐบาลจะช่วยเหลือสนับสนุนวงเงินช่วยเหลือค่าครองชีพ 7,000 บาท แต่ตนลงทะเบียนในโทรศัพท์ไม่ผ่าน จนมีการประกาศให้ประชาชนโดยเฉพาะผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟนไปลงทะเบียนได้ที่ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. ซึ่งตนก็โยกรถเข็นไปลงทะเบียนทั้ง 3 ธนาคาร ก็ไม่มีเจ้าหน้าที่คนไหนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเลย และตนก็เดินทางไปธนาคารทุกวัน บางธนาคารเจ้าหน้าที่มาบอกว่าให้ตนขึ้นไปเข้าคิวข้างบน ทั้งๆที่เขาเห็นอยู่แล้วว่าตนไม่สามารถโยกรถเข็นขึ้นไปบนชั้น 2 ของธนาคารได้ และเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ของแต่ละธนาคารมองตนไร้ค่า ไร้ความหมาย และไล่ตนเหมือนหมูเหมือนหมา
"ไป ธ.ก.ส. ก็ไล่ให้ตนให้ไปธนาคารออมสิน เมื่อถึงออมสินก็ไล่ให้ตนไปธนาคารกรุงไทย ตนพยายามอดทนสุดขีดทั้งๆที่การเดินทางก็ยากลำบากกว่าคนอื่นๆ จนเมื่อตนโวยวายด้วยความน้อยใจว่าแม้ตนจะเป็นคนพิการ แต่ก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน ทำไมไม่สนใจดูแลช่วยเหลือคนพิการบ้าง ก็มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งออกมาบอกว่า ขอให้ตนไปตายให้พ้นๆ" นายอาจินต์ กล่าว
นายอาจินต์ กล่าวด้วยน้ำตานองใบหน้าอย่างน่าสงสาร ว่า ตนน้อยใจมากและคิดว่าทำไมคนไทยจึงไม่มีน้ำใจช่วยเหลือเกื้อกูลกันบ้างเลย ตนก็เป็นคนเหมือนกัน มีสิทธิ์เลือกตั้ง เมื่อมีการเลือกตั้งนักการเมืองก็มากราบไหว้ขอคะแนน แต่ในเวลาที่ตนเดือดร้อนกลับไม่มีค่าใดๆเลย ตนน้อยใจมากจึงโยกรถเข็นคิดจะไปบนรางรถไฟให้รถไฟชนให้ตายรู้แล้วรู้รอดไปเลย จนมีช่างแจ็คทราบว่าเป็นช่างรับเหมาก่อสร้างอาคารปฏิบัติธรรมในวัดเขาพระทอง ที่ช่วยขับรถให้พระมหาอารยนันต์ รักษาการเจ้าอาวาส ที่มาธนาคาร ได้เห็นตนก็เกิดสงสารและเข้ามาสอบถาม ก่อนจะแจ้งให้พระมหาอารยนันต์และนักข่าวทราบ
เบื้องต้นพระมหาอารยนันต์ได้มอบเงินสดให้นายอาจินต์ 1,000 บาท เพื่อเป็นค่าแพมเพิสและค่าใช้จ่าย พร้อมกับชี้แนะว่าให้เข้มแข็งและสู้ชีวิตอย่าท้อถอยและห้ามคิดสั้นเด็ดขาด หากตั้งตัวเป็นคนดี บุญกุศลจะตามช่วยเหลืออย่างแน่นอน อย่างน้อยในวันนี้ไม่มีใครช่วยเหลือ พระมาช่วยแล้ว ต่อไปสื่อมวลชนก็จะช่วยเหลือในเรื่องอื่นๆ เชื่อว่าทั้งนายอาจินต์และแม่จะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน
โดย ไพฑูรย์ อินทศิลา ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.นครศรีธรรมราช