พลิกวิกฤติเป็นโอกาส ผันตัวจากทำนาหันมาเลี้ยงจิ้งหรีดขาย สร้างรายได้กำไรงาม
หนีแล้ง ผันตัวจากทำนาหันมาเลี้ยงจิ้งหรีดขายสร้างรายได้ทำกำไรงาม เผยใช้เวลาเลี้ยงสั้นและเป็นที่ต้องการของท้องตลาด
วันที่ 20 มี.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ฟาร์มลุงหวัด เลขที่ 42 หมู่ที่ 7 ต.สายทอง อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง เกษตรชาวนาที่หันมาเลี้ยงจิ้งหรีดขายสู้ภัยแล้ง หลังประสบปัญหาขาดแคลนน้ำทำนา จึงหันมาลงทุนเลี้ยงจิ้งหรีดขายสร้างรายได้สู้ภัยแล้ง อีกทั้งทำกำไรอย่างงาม
จิ้งหรีด เป็นแมลงเศรษฐกิจ ใช้ต้นทุนน้อย เลี้ยงง่าย โตไว โดยใช้เวลาในการเลี้ยงเพียง 35 วันก็สามารถจับขายได้แล้ว เป็นที่ต้องการของตลาด หลังนักวิจัยด้านโภชนาการพบว่า จิ้งหรีดมีปริมาณโปรตีนและมีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก โดยตลาดต่างประเทศมักนิยมสั่งจิ้งหรีดแช่แข็ง จิ้งหรีดต้มบรรจุกระป๋อง จิ้งหรีดอบ และจิ้งหรีดบดให้กลายเป็นโปรตีนผง นำไปใช้เป็นส่วนผสมในอาหาร
นางสาวนงนุช ศรีทับทิม อายุ 52 ปี น้องสาวเจ้าของฟาร์มจิ้งหรีดลุงหวัด ซึ่งเป็นผู้ดูแลฟาร์ม เล่าให้ฟังว่า ที่ผ่านมาได้ทำนาปลูกข้าว หลังจากประสบปัญหาภัยแล้งจึงได้ปรับเปลี่ยนมาหาเลี้ยงตัวไรขาย แต่ก็ยังได้รับผลกระทบทั้งเรื่องภัยแล้งและการตลาดจึงจำต้องหยุดไป จากนั้นก็หันมาทำฟาร์มเลี้ยงจิ้งหรีดขาย ส่วนสายพันธุ์ที่นิยมเลี้ยง ได้แก่ พันธุ์แมงสะดิ้ง ทำการเลี้ยงมาได้นาน 3 ปี สามารถสร้างมาตรฐานฟาร์มจิ้งหรีด และคุณภาพผลผลิต ช่วยสร้างความเชื่อมั่นเป็นรัฐวิสากิจชุมชน
ปัจจุบันที่ฟาร์มลุงหวัดมีพื้นที่โรงเลี้ยงจิ้งหรีด 2 โรง ในพื้นที่กว่า 1 ไร่ ซึ่งฟาร์มลุงหวัดทำขายครบวงจร ทั้งขายไข่ ขายอาหาร ขายจิ้งหรีด ส่งให้พ่อค้าไปทอดขาย และที่เป็นรายได้หลักจะทำการจับจิ้งหรีดที่ได้ขนาดนำไปต้มส่งโรงงานทุก 15 วัน สร้างรายได้ขายทำกำไรงาม ซึ่งจิ้งหรีดใช้ระยะเวลาในการเลี้ยงสั้น ที่ฟาร์มมีการหมุนเวียนจับขายสร้างรายได้ตลอดทั้งปี นับว่าเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่มีโปรตีนคุณภาพสูง และเป็นที่ต้องการของตลาด
โดยทางฟาร์มลุงหวัดยินดีให้ความรู้ช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร แนะนำ ให้คำปรึกษาในการหันมาเลี้ยงจิ้งหรีดเป็นอาชีพเสริม และในรูปแบบฟาร์มที่ได้มาตรฐานต่อไป หากใครสนใจสามารถติดต่อสอบถามมาได้ที่เบอร์ 086-1664602 ชื่อ ลุงหวัด
โดย กนกศักดิ์ แสงตระการ ผู้สื่อข่าวจังหวัดอ่างทอง