เผยภาพองค์จริง "พระตีนแลบ" ในรอบ 40 ปี หลังถูกขังกรงบนหอสูงหนีโจรใจบาป
เผยภาพองค์จริง "พระตีนแลบ" ในรอบ 40 ปี หลังถูกขังกรงบนหอสูงหนีโจรใจบาป
24 มี.ค. 64 ผู้สื่อข่าวได้รับอนุญาตจาก พระมหามานพ ธมฺมวโร เจ้าอาวาสวัดเชิงคีรี หมู่ 3 ต.ศรีสัชนาลัย อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย ให้ขึ้นไปบันทึกภาพ “พระตีนแลบ” พระพุทธรูปสัมฤทธิ์ยุคสุโขทัย เพื่อนำเผยแพร่เป็นครั้งแรกในรอบ 40 ปี หลังถูกขังไว้พร้อมกับพระพุทธรูปเก่าแก่อีก 4 องค์ ในกรงเหล็ก 2 ชั้น บนยอดมณฑปจัตุรมุขที่สูงถึง 50 เมตร เพื่อป้องกันไม่ให้โจรใจบาปมาลักขโมยไปได้อีก
พระมหามานพ กล่าวว่า ในกรงเหล็กบนยอดมณฑปจัตุรมุข มีพระพุทธรูปโบราณล้ำค่า ยุคสุโขทัย อายุกว่า 700 ปี จำนวน 4 องค์ และพระเก่าสมัยกรุงรัตนโกสินทร์อีก 1 องค์ โดยองค์สำคัญโด่งดังที่สุด คือ หลวงพ่อนิรนาม และหลวงพ่อพระบาทแลบ หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “พระตีนแลบ” เป็นพระพุทธรูปสัมฤทธิ์ ปางมารวิชัย ขนาดหน้าตักกว้าง 19 นิ้ว มีพุทธลักษณะสวยงามมากองค์หนึ่ง แล้วก็มีเท้าแลบยื่นออกมามากกว่าพระพุทธรูปที่พบเห็นโดยทั่วไป
เหตุที่ต้องย้ายขึ้นไปประดิษฐานไว้บนหอสูง ก็เพราะว่าเมื่อปี พ.ศ. 2522 เคยมีโจร 4 คน ควงปืน ถือระเบิด บุกเข้ามาในกุฏิแล้วจับพระ 3 รูปขังไว้ในห้อง ก่อนพยายามจะพังลูกกรงในกุฏิของ พระสมุห์เจิง ณิปัญโญ (อาจารย์แมว) เจ้าอาวาสขณะนั้น เพื่อจะขโมยพระตีนแลบ กับพระพุทธรูปเก่าอีกหลายองค์ แต่ทำไม่สำเร็จ เพราะเจ้าอาวาสเห็นเหตุการณ์ แล้ววิ่งไปบอกชาวบ้านมาช่วยไว้ได้ทัน ทำให้โจรได้ไปแค่เงินบริจาค 6,000 กว่าบาท
จากเหตุการณ์โจรบุกปล้นวัดครั้งนั้น จึงต้องสร้างมณฑปจัตุรมุข แบบปิดตายทางขึ้นลงเมื่อปี พ.ศ. 2523 แต่โจรก็ยังไม่ละความพยายาม แอบปีนขึ้นไปงัดลูกกรงเหล็ก และสามารถขโมยพระพุทธรูปอายุกว่า 400 ปีไปได้ 2 องค์ แต่ก็ยังถือว่าโชคดี ที่พระพุทธรูปเก่าแก่กว่า 700 ปี 4 องค์ และสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ 1 องค์ ยังคงอยู่จนทุกวันนี้
“ปัจจุบัน พระเก่าล้ำค่าบนยอดมณฑปจัตุรมุข กำลังเสื่อมสภาพลง เพราะเจอทั้งแดด ลม ฝน และขี้นก มาตลอด 40 ปี ทางพระ คณะกรรมการวัด และชาวบ้าน จึงปรึกษาหารือกันเพื่อจะนำลงมาประดิษฐานไว้ด้านล่าง แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป เพราะยังกังวลเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัย” พระมหามานพ กล่าว
สำหรับ วัดเชิงคีรี หรือวัดตีนเขา หมู่ 3 ต.ศรีสัชนาลัย อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย ตั้งอยู่ห่างมรดกโลก “อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย” ประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นวัดที่เชื่อว่ามีมาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย เนื่องจากมีโบราณสถานยืนยันความเก่าแก่ คือ ตัวโบสถ์ ใบเสมา และหลวงพ่อโต พระประธานที่เป็นพระพุทธรูปสัมฤทธิ์ อายุกว่า 700 ปี ขนาดหน้าตักกว้าง 100 นิ้ว สูง 138 นิ้ว ปัจจุบันถือว่าเป็นพระพุทธรูปสัมฤทธิ์ ที่มีหน้าตักกว้างที่สุดใน จ.สุโขทัย
นอกจากนี้ ภายในโบสถ์ยังมีพระพุทธรูปสัมฤทธิ์สมัยสุโขทัยอีก 2 องค์ ขนาดหน้าตักกว้าง 64 นิ้ว สูง 82 นิ้ว นามว่าพระปลัดซ้าย และพระปลัดขวา หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าหลวงพ่อสองพี่น้อง รวมทั้งมีรอยพระพุทธบาทจำลอง อายุกว่า 400 ปี และในอดีตยังเคยเป็นที่ถือน้ำพิพัฒน์สัตยาของเจ้าเมืองสวรรคโลก เป็นสำนักเรียนปริยัติธรรมของพระสงฆ์ และเป็นที่สอบธรรมสนามหลวงในยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น อีกด้วย
ภูเบศวร์ ฝ้ายเทศ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.สุโขทัย