ด่วน "เขื่อนป่าสักฯ" ประกาศ เพิ่มการ ระบายน้ำ รับมือ "พายุโซนร้อนมู่หลาน"
"เขื่อนป่าสักฯ" ประกาศด่วนที่สุด เตือนประชาชนเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำ หลังมีฝนตกเหนือเขื่อนในปริมาณมาก และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จำเป็นต้องเพิ่มการระบายน้ำ เตรียมรับมือ"พายุโซนร้อนมู่หลาน"
10 ส.ค.2565 จากอิทธิพลของพายุฝนที่ตกติดต่อกันหลายวันตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีปริมาณน้ำสะสมในพื้นที่รับน้ำตอนบนเหนือเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จำนวนมาก ตั้งแต่ อำเภอหล่มสัก อำเภอบึงสามพัน อำเภอวิเชียรบุรี อำเภอศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ และ อำเภอชัยบาดาล อำเภอลำสนธิ จังหวัดลพบุรี ทำให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนในปริมาณมาก และ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยล่าสุด ยังคงมีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำของเขื่อนป่าสักฯ กว่า 170 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งขณะนี้ ปริมาณน้ำในเขื่อนอยู่ที่ 407.99 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็น ร้อยละ 42.50 ของความจุเขื่อน แต่เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เกิดประสิทธิภาพสูงสุด สอดคล้องกับ การพยากรณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือกับ พายุโซนร้อน “มู่หลาน” ที่อาจส่งผลกระทบกับประเทศไทยในระหว่างวันที่ 11-13 สิงหาคม 2565 นี้ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จำเป็นต้องปรับเพิ่มการระบายน้ำ เพื่อพร่องน้ำรองรับปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้น ตามแผนการบริหารจัดน้ำที่กรมชลประทานกำหนด เพื่อให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด
ทั้งนี้ นายอภิรักษ์ ศรีกุลวงศ์ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักชลสิทธิ์ ได้ลงนาม หนังสือด่วนที่สุด เพื่อแจ้งเตือนประชาชนเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากการระบายน้ำเพิ่ม ตั้งแต่จังหวัดลพบุรี สระบุรี ต่อเนื่องไปจนถึง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์จะทยอยปรับเพิ่มการระบายน้ำลงสู่ท้ายเขื่อน เพื่อเป็นการควบคุมระดับน้ำและปริมาณน้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
ซึ่งโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักชลสิทธิ์ จะทยอยปรับเพิ่มการระบายน้ำ จาก 80 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็น 120 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งจะส่งผลให้ ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสัก เพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบัน ประมาณ 80 ถึง 90 เซนติเมตร โดยระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นยังอยู่ในลำน้ำ ไม่เกิดสภาวะน้ำล้นตลิ่งแม่น้ำป่าสัก และไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่เสี่ยงท้ายน้ำ และขอให้ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ทราบ และติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด
ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักชลสิทธิ์ กล่าวว่า เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีศักยภาพสูงสุดในการระบายน้ำอยู่ที่ ปริมาณการระบายน้ำสูงสุด 600 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ขณะนี้มีการปรับเพิ่มการระบายน้ำจากเมื่อวาน 80 ลูกบาศก์ต่อวินาที เป็น 120 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หากไม่มีฝนตกทางจังหวัดทางภาคเหนือ หรือมีพายุที่ทำให้เกิดฝนตกหนักและตกต่อเนื่องในพื้นที่ ก็คาดว่าจะสามารถบริหารจัดการน้ำได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายน้ำ แต่หากมีปริมาณน้ำจำนวนมากเหมือนเมื่อปีที่ผ่านมา เขื่อนฯ จำเป็นต้องระบายน้ำออกไปยังพื้นที่ท้ายน้ำ แต่จะประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ทราบล่วงหน้าขอให้ประชาชนและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดต่อไป
กฤษณ์ สนใจ ผู้สื่อข่าว จ.ลพบุรี
ติดตาม คมชัดลึก เพิ่มเติม คลิก
Facebook - https://www.facebook.com/komchadluek
1 สิงหาคม 65 พร้อมแล้ว เปิด 6 Candidate กับ 8 สาขา Popular Vote คมชัดลึก ลูกทุ่ง Awards 2565
( https://awards.komchadluek.net/# )