"แรงงานต่างด้าว"ลักลอบเข้าเมืองสุโขทัย
"แรงงานต่างด้าว"หลบหนีเข้าเมืองสุโขทัย สุดท้ายหนีตำรวจ- อ.ส. ไม่รอด ช่วยกันจับไว้ได้ทัน พบเป็นชาวเมียนมาทั้งหมด 29 คน ชาย10 คน หญิง 19 คน
นายสมพงค์ ชมชัย นายอำเภอศรีสัชนาลัย นายนิรันดร์ พรมละ ปลัดอาวุโส และนายเสฎวุฒิ ประมวล ปลัดฝ่ายความมั่นคง พ.ต.ท.ประยูร ปัญโญ สวป.สภ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย พร้อมเจ้าหน้าที่อาสาสมัครรักษาดินแดนและกำลังสายตรวจ ตั้งจุดตรวจค้นสิ่งของผิดกฏหมาย ตามนโยบายของ นายวิรุฬ พรรณเทวี ผวจ.สุโขทัย บริเวณจุดตรวจบ้านป่างิ้ว ถ.สายศรีสัชนาลัย-แพร่ พบรถตู้ต้องสงสัย ขับผ่านมา เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ ได้เร่งเครื่องหลบหนี จากนั้นในเวลาต่อมาได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ อาสาสมัครรักษาดินแดน ว่าพบกลุ่มแรงงานต่างด้าวโดยสารรถตู้ หลบหนีการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้ามาประสบอุบัติเหตุชนประตูทางเข้าวัดนนทาราม(วัดบ้านใหม่) หมู่ 4 ต.หาดเสี้ยว อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย จึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ศรีสัชนาลัย เดินทางไปตรวจสอบ พบรถตู้คันดังกบล่าว สภาพด้านหน้าฝั่งซ้ายเสียหายเนื่องจากชนประตูทางเข้าวัด และแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาอีก 29 คน เป็นชาย10 คน หญิง 19 คน ถูกเจ้าหน้าที่ อ.ส.และ ตำรวจสายตรวจ ต.ป่างิ้ว ควบคุมตัวไว้ได้
คนขับรถคันดังกล่าวคือนายพงษ์หฤษฎ์ ศิวัชนันทวงษ์ อายุ 47 ปี ชาว ต.สันกลาง อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ และมีนายณรงค์ฤทธิ์ ไกรกิจราษฎร์ อายุ 33 ปี ชาว ต.ไกรใน อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย นั่งรถมาด้วย โดยก่อเกิดเหตุมีชาวบ้านสังเกตเห็นว่ารถตู้คันดังกล่าวมีลักษณะบรรทุกสิ่งของมาหนักผิดปกติ น่าสงสัยจึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ให้ทำการตรวจสอบ จนกระทั่งรถคันดังกล่าวขับมาถึงบริเวณด่านตรวจป่างิ้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจได้ส่งสัญญาณให้หยุด แต่นายพงษ์หฤษฎ์ คนขับกลับเร่งเครื่องหลบหนี ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจป่างิ้วจึงไล่ตาม มาติดๆจนกระทั่งรถตู้คันดังกล่าวได้ขับหลบหนีเข้าไปในวัดนนทาราม(วัดบ้านใหม่) แต่เกิดชนเข้ากับเสาประตูทางเข้าวัด
ขณะเดียวกันที่บริเวณวัดมีเจ้าหน้าที่อาสาสมัครรักษาดินแดน จำนวน 5 นาย กำลังปฏิบัติภารกิจอยู่ในวัดพอดี จึงเข้าให้การช่วยเหลือ แต่เมื่อเข้าทำการช่วยเหลือกลับพบว่า ภายในรถตู้คันที่เกิดเหตุ กลับมีคนอยู่ในรถจำนวนมาก และส่งเสียงพูดคุยไม่ใช่ภาษาไทยแต่เป็นภาษาเมียนมา
ขณะเดียวกันทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจป่างิ้ว ตามมาทัน จึงทราบว่าพวกที่อยู่ในรถคันดังกล่าวเป็นแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองมา จากการสอบถามแรงงานต่างด้าวที่หลบหนี้เขามา และพอจะพูดภาษาไทยได้บ้าง เล่าว่าเคยลักลอบเข้ามาทำงานอยู่ประเทศไทย แต่ในช่วงโดวิด-19 ระบาด ไม่มีงานทำพวกตนจึงได้เดินทางกลับบ้านเกิด จนกระทั่งสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย จึงได้ลักลอบเดินทางเข้ามาใหม่เพื่อหางานทำ โดยพวกตนจะเสียค่านายหน้าคนละ 23,000 บาท ส่วนคนขับรถได้ค่าจ้าง 5,000 บาท โดยรับคนต่อมาจาก จ.ลำปาง เพื่อไปส่ง จ.อุทัยธานี แล้วจะมีผู้ร่วมขบวนการมารับต่อไปอีกทอด ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจคัดกรองโควิด-19 ตามมาตรการ ก่อนจะแจ้งข้อหา ร่วมกันซ่อนเร้น ช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้บุคคลต่างด้าว หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฏหมาย แก่ผู้ต้องหาที่เป็นคนไทยทั้งสองคน ส่วนแรงงานชาวพม่าทั้งหมดแจ้งข้อหา เป็นบุคคลต่างด้าว หลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป