ข่าว

"ผอ.โรงเรียน" แจงแจ้งความ ป.6 พังกล้องวงจรปิด แค่ปราบไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง

"ผอ.โรงเรียน" แจงแจ้งความ ป.6 พังกล้องวงจรปิด แค่ปราบไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง

30 ก.ย. 2565

"ผอ.โรงเรียน" แจง ปม แจ้งความ เด็ก ป.6 พังกล้องวงจรปิด แค่ต้องการปราบไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง เรียกผู้ปกครองตกลงค่าเสียหาย แล้วแต่เด็กไม่มีเงิน โรงเรียนจึงจำต้องแจ้งความดำเนินคดีดังกล่าว

20 ก.ย.2565  จากกรณีเพจดัง  เพจดัง “Survive - สายไหมต้องรอด” โพสต์ภาพเด็กนักเรียน และ เอกสารหมายเรียก  ของสภ.เมืองกำแพงเพชร กรณีผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในจ.กำแพงเพชร แจ้งความดำเนินคดีกับนักเรียนชั้น ป.6 ที่ทำกล้องวงจรปิดในโรงเรียนพัง และเรียกค่าเสียหายกว่า 3,000 บาท

 

โดยข้อความระบุว่า  #จังหวัดกำแพงเพชร น้องมะพร้าว อายุ 11 ปี เด็กนักเรียนชั้น ป.6 โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งใน  อ.เมือง จ.กำแพงเพชร  ถูก ผอ.โรงเรียน แจ้งความดำเนินคดี หลังน้องและเพื่อนๆนักเรียนเล่นบอลไปโดนกล้องวงจรปิดที่โรงเรียนได้รับความเสียหาย  เด็ก ๆ กลัวความผิดจึงไปตัดสายไฟขาด โรงเรียนเรียกเก็บค่าซ่อม 3,300 บาท  โดยให้หารกับเพื่อนนักเรียน 2 คนๆละ 1,650 บาท น้องอีกคนครอบครัวหาเงินมาจ่ายได้  ส่วนน้องมะพร้าว ครอบครัวยากจนไม่มีเงินจ่าย จึงถูกดำเนินคดี 

 

#เบื้องต้น พี่เอก ประสานร้อยเวรเจ้าของคดีเพื่อสอบถามข้อเท็จจริงแล้ว ทั้งนี้หากทางโรงเรียนยอมถอนแจ้งความ #สายไหมต้องรอด จะช่วยจ่ายค่าเสียหาย 1,650 บาท ให้ เพื่อให้น้องไม่ต้องถูกดำเนินคดี...


หลังจากที่ โพสต์ดังกล่าว มีการแชร์ไปโลกออนไลน์  ทำให้ชาวเน็ตเสียงแตกถามว่า ผู้อำนวยการ ทำเกินไปหรือไม่ เด็กจะมีคดีติดตัว ขอให้ถอนแจ้งความ บางรายบอกว่าจะรวมเงินช่วยเคลียร์ค่าเสียหาย ขณะที่อีกมุมบอกเรื่องมันมีมากกว่านั้น อยากให้ฟังอีกฝั่งเล่าความจริง 

 

 

 

"ผอ.โรงเรียน" แจงแจ้งความ ป.6 พังกล้องวงจรปิด

 


ด้าน นายสมชาย  ผู้อำนวยการโรงเรียน ที่ถูกระบุว่าเป็นผู้แจ้งความ น้องมะพร้าว  เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า กรณีดังกล่าวเกิดจากที่เด็กทั้ง 2 คน ไปเล่นวอลเล่ย์บอล แล้วลูกบอลโดนกล้องวงจรปิดของโรงเรียนพังเสียหาย  เด็กทั้ง 2 คนกลัวความผิด จึงนำไม้มาตีเพื่อทำลายกล้องวงจรปิด พร้อมทั้งตัดสายไฟและสายสัญญาณเพื่อปกปิดความผิด  แต่ปรากฏว่ากล้องวงจรปิด ยังสามารถบันทึกภาพได้

 

ทางโรงเรียนจึงเรียกผู้ปกครองของเด็กที่เข้ามารับทราบ และตกลงชดใช้ค่าเสียหายประมาณ 3,000 บาท ซึ่งมีนักเรียน 2 คน ที่จะต้องรับผิดชอบร่วมกัน มี ด.ช.สิงห์  (นามสมมติ)   อายุ 12 ปี นักเรียนชั้น ป.6 และ ด.ช.มะพร้าว  อายุ 11 ปี นักเรียนชั้น ป.6 ทั้งคู่เป็นเพื่อนเรียนห้องเดียวกัน โดยผู้ปกครองของทั้ง 2 ฝ่าย ยินดีชดใช้ค่าเสียหายให้ และจบเรื่องดังกล่าว แต่วันต่อมา พ่อของ ด.ช.มะพร้าว ทราบเรื่อง กลับบอกว่าจะขอไม่ชดใช้อ้างว่าลูกตนเองไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

 

 

"ผอ.โรงเรียน" แจงแจ้งความ ป.6 พังกล้องวงจรปิด

 

 

ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวหน่วยงานปกครองและตำรวจในพื้นที่ก็ทราบดีและเข้ามาไกล่เกลี่ยเจรจา จนสุดท้ายมีความเห็นว่าควรจะแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่ไม่รับผิดชอบคือด.ช.มะพร้าว ส่วน ด.ช.สิงห์ ได้จ่ายค่าเสียหายแล้ว ซึ่งเหตุผลที่ต้องดำเนินการทางคดีนั้น เพราะต้องการปรามเด็กไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง

 

สำหรับ ด.ช.สิงห์ เพื่อนของ ด.ช.มะพร้าว มีวีรกรรมในโรงเรียนและชุมชนในลักษณะนี้หลายครั้งจนเป็นที่เอือมระอา ทั้งงัดเข้าไปขโมยของในร้านค้าสหกรณ์และงัดห้องเรียน ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเพื่อเข้าไปขโมยกระปุกออมสินและขนม    

 

 

      
 

กล้องวงจรปิด ที่ถูกนร.ป.6 ทำลายเสียหาย

 

 

ล่าสุด ด.ช.สิงห์ มีปัญหากับเพื่อนในโรงเรียนด้วยกันถึงขนาดพกมีดดาบเข้ามาจะทำร้ายกันในโรงเรียน โดยทางปกครองได้เข้าห้ามปรามเรียกผู้ปกครองมารับทราบ จนมีกระแสดราม่าในเพจดัง "Survive - สายไหมต้องรอด" ส่วน ด.ช.มะพร้าว เป็นเพียงหนึ่งในกลุ่มที่ สร้างความเดือดร้อนเพียงแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวเท่านั้น และมี ด.ช.อีกคนที่ร่วมกับ ด.ช.สิงห์ ตีกล้องวงจรปิดหน้าห้องศูนย์เด็กเล็ก เพื่อเข้าไปขโมยกระปุกออมสินและขนม

 

และนอกจากกรณีที่เล่นวอลเล่ย์บอลจนกล้องวงจรปิดพังเกิดขึ้นวันที่ 5 ก.ย.2565 ที่ผ่านมายังก่อเหตุงัดห้องสมุด และขังน้องนักศึกษาฝึกสอนผู้หญิงไว้ในห้อง วันที่ 6 ส.ค.2565 จากนั้น ผู้อำนวยการโรงเรียนและคณะครูได้นำเดินดูตามจุดที่ถูกงัดเสียหายภายในโรงเรียนให้ผู้สื่อข่าวดู

 

 

"ผอ.โรงเรียน" แจงแจ้งความ ป.6 พังกล้องวงจรปิด

 

 

ขณะที่ นายนายธวัชชัย ไทยตัน กำนันตำบลนาบ่อคำ  ระบุว่าเนื่องจากมีเด็กหัวโจกไปโรงเรียนที่กำลังเป็นข่าว จริง ๆแล้วเด็กหัวโจกเป็นเด็กอันตรายกับชุมชน ไปงัดแงะตั้งแก๊ง  ทางครูและคณะกรรมการโรงเรียนได้เรียกมาตักเตือนแล้วแต่ยังมีพฤติกรรมอีกในการที่แจ้งความไม่ใช่แจ้งจับอะไรเป็นการป้องปรามไม่อยากให้เด็กโตขึ้นมาเป็นปัญหาของสังคม  จึงฝากผู้ปกครองช่วยกันดูแลสั่งสอนลูกหลานไม่ใช่จะปล่อยให้มาโรงเรียนซึ่งภาระให้ครูอย่างเดียวแต่ต้องช่วยกันอยากให้เด็กเป็นเด็กดีเป็นกำลังของชาติต่อไป

 

ด้านแม่ค้าสหกรณ์ในโรงเรียน กล่าวว่า ร้านของตนเองเคยถูก ด.ช.สิงห์ เข้ามาขโมยของในร้านถึง 3 ครั้ง พร้อมทั้งทำลายกลอนประตู กล้องวงจรปิด และสายอินเตอร์เน็ต ซึ่งตนเองเพิ่งจะเข้ามาขายของยังร้านค้าสหกรณ์ เพียง 2 เดือน แต่โดนงัดร้านและทำลายทรัพย์สินบ่อยขนาดนี้ โดยทั้งหมดเหมือนรู้ดีกว่าจะกระทำผิด โดยพุ่งเป้าไปที่การทำลายกล้องวงจรปิดก่อน จากเหตุการณ์ดังกล่าวตนไม่รู้จะพูดยังไงไม่คิดว่าเด็กอายุเพียงแค่นี้แต่ทำได้ถึงขนาดนี้

 

พิพัฒน์ จงมีความสุข  ผู้สื่อข่าว จ.กำแพงเพชร

 


ติดตามกระแสรายวัน คมชัดลึก ได้ที่
Website -  www.komchadluek.net
Twitter - https://twitter.com/Kom_chad_luek