ภรรยาร่ำไห้จ่อบินรับอัฐิสามี 'แรงงานผิดกฎหมาย' ดับในฟาร์มหมูเกาหลี
ภรรยา และลูกชาย "แรงงานผิดกฎหมาย" หรือผีน้อยที่เสียชีวิตในฟาร์มหมู เตรียมบินรับอัฐิกลับไทย หลังถูกนายจ้างนำศพทิ้งบนเขาเหตุกลัวความผิดจ้างแรงงานผิดกฎหมาย วอนสังคมเห็นใจที่ต้องยอมเป็นผีน้อยเพราะความจำเป็น
8 มี.ค.2566 นางมะลิ พร้อมด้วยลูกชาย ภรรยาลุงบุญชู แรงงานไทยเสียชีวิตที่เกาหลี เตรียมเดินทางไปประเทศเกาหลีใต้ เพื่อรับศพนายบุญชู อายุ 67 ปี สามี ซึ่งเดินทางไปทำงานที่ฟาร์มหมูแห่งหนึ่งที่เกาหลีใต้แบบผิดกฎหมาย หรือ ผีน้อย มานานกว่า 10 ปี โดยอาจประกอบพิธีฌานกิจศพ และนำเถ้ากระดูกกลับประเทศไทย เนื่องจากได้รับแจ้งว่าการนำศพกลับต้องใช้เงินกว่า 3 แสนบาท
นางมะลิ เปิดเผยว่าเดิมครอบครัวทำฟาร์มเลี้ยงไก่ แต่ต่อมาประสบปัญหาไข้หวัดนก ทำให้ขาดทุน ครอบครัวมีหนี้สินนับล้านบาท สามีพยายามหารายได้เพื่อใช้หนี้และใช้จ่ายในครอบครัว จึงตัดสินใจจะไปทำงานต่างประเทศ เนื่องจากในสมัย 10 ปีที่แล้ว คนในหมู่บ้านเดินทางไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้กันหลายคน และสามารถส่งเงินกลับบ้านมาใช้หนี้สินหมดทำให้สามีตัดสินใจไปทำงานเกาหลีเหมือนแรงงานคนอื่น ๆ
นางมะลิ ยังเล่าอีกว่า ไม่ได้เจอสามีมาเป็นเวลานานนับ 10 ปี ได้แต่วิดีโอคอลพูดคุยทุกวัน วันละหลายครั้ง ทุกครั้งที่โทรมาสามีจะไม่พูดถึงความยากลำบาก ในการใช้ชีวิต การทำงาน ส่วนใหญ่จะบอกว่าสุขสบายดี สงสารแต่ลูกชายเพราะเขาเสียใจมาก เขาโทษตัวเองที่ทำให้พ่อต้องเป็นแบบนี้ เพราะเขาเคยบอกให้พ่อกลับบ้านตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว ซึ่งสามีก็บอกว่ายังทำงานไหวอยากอยู่ทำงานหาเงินก่อน จนล่าสุดบอกว่าตัดสินใจจะเดินทางกลับไทยในวันที่ 20 มีนาคมนี้ เพื่อกลับมาทำฟาร์มเลี้ยงสัตว์ หลังเกษียณตัวเองจากการเป็นแรงงานผิดกฎหมาย หรือผีน้อย ยาวนานถึง 10 ปี แต่ก็มาเสียชีวิตก่อนจะได้กลับบ้านเพียงไม่กี่วัน
ส่วนการช่วยเหลือ เบื้องต้นนายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น และนายอำเภอแวงน้อย ช่วยเหลือการเดินทางคนละไปเกาหลีคนละ 10,000 บาท
นอกจากนี้ทางครอบครัวได้ขอความช่วยเหลือจากภาครัฐช่วยประสานงานกับทางการเกาหลีใต้ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศติดต่อเพื่อช่วยเหลือแล้วเพราะเป็นคดีความ และนายจ้างมีความผิด ทางครอบครัวยืนยันว่าภาระหนี้สินและความยากจนทำให้แรงงานอีสานต้องลักลอบไปทำงานแบบผิดกฎหมาย ซึ่งในพื้นที่ อ.แวงน้อย จ.ขอนแก่น ก็มีแรงงานผิดกฎหมายหลายคนที่ยังทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้
นอกจากนี้นางมะลิ กล่าวว่า ตำรวจเกาหลีใต้สรุปสาเหตุการเสียชีวิตแล้วว่าไม่ใช่การฆาตรกรรม แต่คาดว่านายจ้างกลัวผิดกฎหมายจึงนำศพไปซุกซ่อน ซึ่งทางการเกาหลีได้จับกุมตัวนายจ้างแล้ว
สำหรับเรื่องราวการเสียชีวิต ของนายบุญชู อายุ 67 ปี ถูกเปิดเผยเมื่อมีการแจ้งคนหายในกลุ่มคนไทย เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. ของวันที่ 4 มี.ค. 2566 และมีผู้พบร่างนายบุญชู ในเวลา17.00 น. ของวันเดียวกัน ต่อมามีการออกหมายจับและเข้าควบคุมตัวเจ้าของฟาร์มหมูที่นายบุญชู ทำงานอยู่ พร้อมตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่า ตำรวจพบว่า 2 วันก่อนพบร่างนายบุญชู เจ้าของฟาร์มได้ขับรถไถออกจากโรงรถไปบริเวณเชิงเขา คาดว่านำศพไปทิ้ง
จากนั้นเจ้าหน้าที่จากกระทรวงการจ้างงานและแรงงาน หน่วยงานความปลอดภัยอาชีวอนามัยของเกาหลีใต้ เข้าตรวจสอบบริเวณฟาร์มหมู และที่พักของนายบุญชู ซึ่งอยู่ในพื้นที่ ยองบุก-มยอน โพชอน-ซี จังหวัดคยองกี พบว่าสภาพที่ฟาร์มหมู มีกลิ่นเหม็นแรงมาก ที่หน้าห้องพักมีซากหมูที่ถูกห่อด้วยพลาสติก โรงเรือนพักถูกสร้างอย่างง่าย ๆ มีเพียงผนังปูนกั้น สิ่งของในห้องพักขนาด 3 ตารางเมตร มีสิ่งของวางเกลื่อนกลาด มีเชื้อราขึ้นบนผนัง
จากการชันสูตรในเบื้องต้นไม่มีหลักฐานเกี่ยวกับการฆาตกรรม ซึ่งเจ้าหน้าที่แรงงาน อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าสภาพการทำงานและความเป็นอยู่ของนายบุญชูมีส่วนทำให้เสียชีวิตหรือไม่ ซึ่งเบื้องต้น ผู้อำนวยการศูนย์สุขภาพสิ่งแวดล้อม คาดว่าผู้เสียชีวิตได้รับก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์จากมูลสัตว์ซึ่งเป็นอันตราย ขณะที่กลุ่มสนับสนุนแรงงานข้ามชาติคาดว่าสาเหตุการเสียชีวิตเพราะทำงานหนักเกินไป และยังมีข้อมูลว่า นายบุญชู เป็นคนขยันทำงาน ไม่ดื่มสุรา และชอบเก็บตัวอยู่คนเดียวในฟาร์ม
สุริยา ปะตะทะโย จ.ขอนแก่น
ภาพ : https://www.joongang.co.kr/