70% รายได้จากท่องเที่ยว “เศรษฐา” ดัน “นครพนม” เป็น เมืองท่องเที่ยวหลัก
“เศรษฐา” สวมเสื้อศรีโคตรบูรณ์ ทัวร์อีสาน โปรยยาหอม อีก5ปีพัฒนาสนามบินจังหวัดฯ เป็นสนามบินนานาชาติ เชื่อมีศักยภาพดัน “นครพนม” เป็นเมืองท่องเที่ยวหลัก ยกระดับเทศกาลไหลเรือไฟโลก ขอภาคเอกชนช่วยโปรโมทสินค้า
เมื่อวันที่ 17 ก.พ. 2567 ที่หอประชุมมหาวิทยาลัยนครพนม ตำบลขามเฒ่า อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางมายังจุดที่ 3 ประชุมหารือแผนพัฒนาและแก้ไขปัญหาของจังหวัดนครพนม ที่หอประชุมมหาวิทยาลัยนครพนม
โดยนายกรัฐมนตรี ได้รับฟังบรรยายสรุป พิจารณาแผนงานของจังหวัดนครพนม ที่ขอการสนับสนุนจากรัฐบาล ได้แก่โครงสร้างพื้นฐานคมนาคม และการบริหารจัดการน้ำ การยกระดับเมืองรองเป็นเมืองหลัก Medical and wellness Hub ให้จังหวัดนครพนมเป็นเมืองหลักแห่งการพักผ่อน พร้อมส่งเสริมให้ มีเทศกาลต่างๆ เช่น นครพนมแฟชั่นวีค ยกระดับเทศกาลไหลเรือไฟโลก
ซึ่งช่วงหนึ่งในการรับฟังรายงาน นายกรัฐมนตรีได้สอบถามความคืบหน้าและงบประมาณ ที่จะใช้ในการก่อสร้างโรงพยาบาลนครพนม ซึ่งนายกรัฐมนตรีต้องการให้เสนอแผนงานรวมกันกับแผน Medical and wellness Hub โดยนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้เสนอว่าการทำโครงการนี้จะต้องใช้งบกลาง เนื่องจากเป็นการดำเนินการในงบผูกพันต่อเนื่อง
นครพนม มีรายได้จากท่องเที่ยวถึง 70%
นายเศรษฐา กล่าวว่าดีใจที่ได้กลับมาจังหวัดนครพนมอีกครั้ง หลังจากการเลือกตั้ง2566 ซึ่งยืนยันว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับจังหวัดนครพนม ที่ถือเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพ จากการรับฟังรายงาน ทราบว่ารายได้ของจังหวัดนครพนมแบ่งเป็น ร้อยละ 30 มาจาก าคการเกษตรและอีกร้อยละ 70 มาจากภาคการท่องเที่ยวและการขนส่งสินค้า ถือเป็นตัวเลขที่ สะท้อนความเป็นจริง
อีก 5 ปีพัฒนาสนามบินจังหวัด เป็นสนามบินนานาชาติ
ส่วนระบบชลประทานเชื่อว่าไม่มีปัญหาอะไร คงได้มีการพูดคุยกันอยู่แล้วอยู่แล้ว ขอให้สบายใจว่าเราจะดูแลอย่างเต็มที่ รวมถึงเชื่อว่าในอนาคต ไม่เกิน 5 ปีจะสามารถ พัฒนาให้สนามบินจังหวัดนครพนม เป็นสนามบินนานาชาติ เพราะจังหวัดนครพนมมีจุดแข็ง สมควรได้ยกระดับจากเมืองรองเป็นเมืองหลัก ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีกับพี่น้องประชาชนชาวนครพนม ที่บริษัทใหญ่ระดับโลกสนใจที่จะมาลงทุนในจังหวัดนครพนม
แต่อยากให้ภาคเอกชน ช่วยโปรโมทสินค้านครพนมให้เป็นที่รู้จัก และไปสู่ตลาดโลก และมองว่าการพัฒนาสินค้าถือเป็นเรื่องที่สำคัญ แต่ยังขาดเรื่องดีไซน์ อย่าง ผ้าไหม ที่มีความแข็งแกร่งอยู่แล้ว ต้องการให้องค์กรต่างๆ นำความรู้เข้ามามาช่วย เพื่อให้ได้มาตรฐานโลกและนำไปขายในตลาดโลกได้ เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่รัฐบาลให้การสนับสนุน แต่ว่าเราต้องช่วยกันเยอะกว่านี้
นายกรัฐมนตรี ยังระบุ เรื่องยุทธศาสตร์ถือว่ามีความสำคัญ เราไม่ได้มีเพียงจังหวัดนครพนม ยังมีจังหวัดหนองคาย จังหวัดมุกดาหาร ที่ต้องพัฒนาไปด้วยกัน และยังต้องพัฒนาศูนย์ขนถ่ายสินค้า เพราะหากมีการส่งออกที่เพิ่มมากขึ้น จะสามารถสร้างรายได้ได้อย่างมโหฬาร
จากนั้นนายกรัฐมนตรี เปลี่ยนเสื้อผ้าฝ้ายสีม่วง ศรีโคตรบูรณ์ ผ้าพื้นเมืองจังหวัดนครพนม เยี่ยมชมนิทรรศการของดีประจำ 12 อำเภอ และชมการแสดงลำภูไท ศรีโคตรบูรณ์ และชมสินค้า OTOP จากอำเภอต่างๆ โดยเฉพาะผ้าฝ้ายย้อมคราม อ.นาหว้า ที่เป็นของขึ้นชื่อจังหวัดนครพนม และยังได้มีการจัดนิทรรศการของพระธาตุประสิทธิ์ ซึ่งเป็นพระธาตุประจำวันพฤหัสบดี เป็นวันเกิดของนายกรัฐมนตรีอีกด้วย