ข่าว

พ่อแพทย์หญิงยันเอาเรื่อง 'ชายต่างชาติ' ทำร้ายลูกแถมอ้างรู้จัก ตร.ใหญ่

พ่อแพทย์หญิงยันเอาเรื่อง 'ชายต่างชาติ' ทำร้ายลูกแถมอ้างรู้จัก ตร.ใหญ่

28 ก.พ. 2567

พ่อแพทย์หญิง รพ.ดัง จ.ภูเก็ต ยันเอาเรื่อง 'ชายต่างชาติ' ถึงที่สุด ปม 'เตะหลัง' ลูกสาวจนบาดเจ็บ ขณะนั่งพักที่บันไดวิลลาหรู ริมชายหาด กล่าวหาบุกรุก แถมอ้างรู้จักตำรวจใหญ่ ด้านคู่กรณี ปฏิเสธทำร้ายแค่สะดุดล้มใส่

29 ก.พ.2567 จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ข้อความระบุว่า ลูกสาวซึ่งเป็นแพทย์อยู่ที่ จ.ภูเก็ต ถูกชายชาวต่างชาติ ทำร้ายร่างกายขณะนั่งพักที่บันไดหน้าวิลลาหรูบริเวณชายหาดแหลมมายู จ.ภูเก็ต และยังถูกหญิงไทย ซึ่งทราบต่อมาว่าเป็นภรรยาของชายต่างชาติคนดังกล่าวเข้ามาต่อว่า ลูกสาวของตนบุกรุกพื้นที่วิลล่า และยังพูดจาดูถูก ดูหมิ่น พร้อมอ้างว่ารู้จักนายตำรวจใหญ่จะดำเนินคดีกับลูกสาวตน

แพทย์หญิง โชว์รองรอยที่ถูกชายต่างชาติเตะเข้ากลางหลัง

 

 

หลังจากนั้น ลูกสาวได้ไปแจ้งความ ที่ สภ.ถลาง จึงทราบว่าชายต่างชาติคนดังกล่าว เป็นเจ้าของมูลนิธิฯที่เกี่ยวกับช่วยเหลือช้าง 

 

อย่างไรก็ตาม หลังจากมีการโพสต์เรื่องราวดังกล่าวออกไป ได้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ เกี่ยวกับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติดังกล่าว  และมีบางส่วนที่มีการเรียกร้องให้ตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวว่า มีที่มาอย่างไร บันไดที่ยื่นลงไปชายหาดนั้นรุกที่สาธารณะหรือไม่ รวมถึงต่อว่าการทำหน้าที่ของตำรวจที่เข้าไประงับเหตุด้วย 

ร่องรอยที่แพทย์หญิงถูกชายต่างชาติทำร้าย

 

 

ขณะเดียวทางด้านแพทย์หญิงคนดังกล่าว ซึ่งเป็นแพทย์ประจำโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งของจังหวัดภูเก็ต ได้มีการถ่ายคลิปเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเน้นย้ำในการขอความเป็นธรรมกับสื่อมวลชนทุกแขนง เนื่องจากภรรยาชาวต่างชาติที่เป็นคนไทยอ้างว่า มีลูกชายเป็นตำรวจและรู้จักนายตำรวจใหญ่ของ จ.ภูเก็ต ด้วยเกรงว่า จะไม่ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งในส่วนของแพทย์หญิงคนดังกล่าวยังได้มีการไปแจ้งความไว้ที่ สภ.ถลาง เพื่อดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยทางร้อยเวรเจ้าของคดีนัดให้ปากคำในวันนี้ (29 ก.พ.2567) 

 

 

แพทย์หญิง ร้องขอความเป็นธรรมถูกชายต่างชาติทำร้าย

 

 

ทางด้านนายเกษม  พ่อของแพทย์หญิงคนดังกล่าวว่า หลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจรับเป็นคดีแล้ว ซึ่งทางลูกสาวยืนยันว่าจะฟ้องศาลว่าถูกทำร้ายร่างกาย และจะต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรี ที่ถูกเหยียดหยามเรื่องเพศภาพหญิงไทย รวมทั้งไม่อยากให้คนไทยที่มาอยู่ภูเก็ต หรือคนภูเก็ตเจอเหตุการณ์แบบเดียวกับเธอในขณะที่เดินอยู่บริเวณชายหาดสาธารณะ และต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทบทวนการดูแลคนไทยในภูเก็ต แม้กระแสการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจจะบูมขึ้น แต่ไม่ควรจะละเลยคนไทย เหตุที่ต้องดำเนินการเช่นนี้ เนื่องจากคำพูดที่ว่า คนไทยขอโทษต่างชาติได้ แต่ฝรั่งจะไม่ขอโทษคนไทย จึงทำให้ลูกสาวรู้สึกว่า จะต้องต่อสู้ให้ถึงที่สุด 

 

นายเกษม ยังกล่าวอีกว่า ชายต่างชาติคู่กรณีของแพทย์หญิงคนดังกล่าว ออกมาบอกว่าไม่ได้เตะแต่เป็นการล้มใส่ ซึ่งประเด็นนี้ จากการตั้งข้อสังเกตว่าหากเป็นการล้มใส่ของคนที่น้ำหนักเกือบ 100 กิโลกรัม น่าจะไม่ใช่แค่จุก น่าจะล้มไปทั้งตัว หากล้มใส่จริงมีเหตุผลอะไรที่ต้องไปด่าลูกสาวของตนและเพื่อนที่ไปด้วยกัน ส่วนของสภาพจริงของลูกสาวแม้ว่าจะมีความระแวงและกังวล แต่เธอก็ยืนยันว่าจะดำเนินการให้ถึงที่สุด ซึ่งทางครอบครัวก็เคารพสิทธิและการตัดสินใจของเธอ


 สาลินี ปราบ จ.ภูเก็ต