ผู้ว่าเชียงใหม่ ตั้งรางวัลนำจับมือ 'เผาป่า' คดีละ 10,000 เร่งแก้ปัญหา PM2.5
ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ สั่งตั้งรางวัลนำจับผู้ลักลอบ 'เผาป่า' คดีละ 10,000 บาท เผาจริง จับจริง ในช่วงนี้ได้มีการงดการบริหารจัดการเชื้อเพลิงในพื้นที่ป่าทั้งหมด พร้อมใช้ปฏิบัติการฝนหลวงบินเจาะช่องระบายอากาศพัดฝุ่นลอยออกไป
นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยถึง สถานการณ์ไฟป่าหมอกควัน และ ฝุ่น 'PM2.5' ในพื้นที่ โดยพบว่าขณะนี้มีลมจากตะวันตกพัดพาฝุ่นจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาในพื้นที่ ทำให้ 5 อำเภอที่ติดแนวชายแดน คือ อำเภอแม่อาย ฝาง เชียงดาว ไชยปราการ และเวียงแหง มีค่าฝุ่นสูงในทุก ๆ วัน และจะเบาบางลงในช่วงบ่าย ซึ่งเป็นลักษณะนี้มาประมาณ 1 สัปดาห์แล้ว ขณะที่การเผาก็ยังสามารถควบคุมได้ และได้มีการงดเว้นการบริหารจัดการเชื้อเพลิงในพื้นที่ป่าทั้งหมดในช่วงนี้ พร้อมปิดป่าอนุรักษ์ 19 ป่า ส่วนการลักลอบ 'เผาป่า' ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าพื้นที่โดยเร็วและดับให้ได้ภายใน 1 วัน รวมถึงการตั้งรางวัลนำจับผู้กระทำความผิดคดีละ 10,000 บาท นอกจากนี้ ยังมีการใช้ปฏิบัติการฝนหลวงบินเจาะช่องระบายอากาศเพื่อให้ฝุ่นในพื้นที่พัดขึ้นไปได้
ด้านนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ประชุมติดตามสถานการณ์และการแก้ปัญหาหมอกควัน ฝุ่นละออง 'PM 2.5'และไฟป่าในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ โดยพลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ Conference จากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เพื่อมอบนโยบายกับหน่วยงานในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ โอกาสนี้ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ด้วย ภายหลังพบว่าสถานการณ์ไฟป่าและ ฝุ่น 'PM2.5' เริ่มรุนแรงขึ้น สั่งขอให้ทุกหน่วยนำมาตรการแก้ไขปัญหาในช่วงสถานการณ์วิกฤติไปปฏิบัติอย่างเร่งด่วนและเต็มที่ โดยให้ทำการปรับรูปแบบการจัดกำลังดับไฟป่า และการใช้อากาศยาน ให้เข้าถึงพื้นที่และควบคุมไฟไม่ให้ขยายวงกว้าง และให้คำนึงถึงความปลอดภัยของกำลังพลป็นสำคัญ งดใช้อาสาสมัครดับที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ รวมถึงบังคับใช้กฎหมายกับผู้ลักลอบเข้าไปในพื้นที่ป่าอย่างเด็ดขาด และขอให้ประชาสัมพันธ์สื่อสารข้อมูลที่ถูกต้องกับประชาชนอย่างทันท่วงที ย้ำการปฏิบัติงานต้อง รวดเร็ว แม่นยำ มีประสิทธิภาพ และคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ
อย่างไรก็ตาม ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาสถานการณ์ไฟป่าค่อนข้างรุนแรงเนื่องจากมีลมพัดผ่านเข้ามาจากภาคตะวันตกและภาคตะวันตกเฉียงเหนือที่มีจุดความร้อนเกิดขึ้นจำนวนมาก อย่างข้อมูลล่าสุดจาก GISTDA ได้รายงานจุดความร้อนในประเทศเมียนมา สูงกว่า 5,000 จุด, กัมพูชา กว่า 1,000 จุด และประเทศไทย 730 จุด ซึ่งลดลงจากช่วงก่อนที่สูงถึง 2,000-3,000 จุด โดยส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในพื้นที่ป่า ขณะที่ภาคการเกษตรสามารถควบคุมได้ดี
ขณะเดียวกันในช่วงสัปดาห์หน้า 14-16 มีนาคมนี้ จะต้องเฝ้าระวังอย่างเข้มข้นอีกครั้ง เนื่องจากลมจะค่อนข้างนิ่ง อัตราการระบายอากาศค่อนข้างต่ำ และจะมีลมพัดมาจากภาคตะวันตกและภาคตะวันตกเฉียงเหนือ ทำให้ฝุ่นจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาในประเทศไทยอีกครั้งโดยเฉพาะจังหวัดที่ติดแนวชายแดนซึ่งจะได้รับผลกระทบมากที่สุด