6 มิ.ย. 2567 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องทุกข์จากนายบุญยืน (สงวนนามสกุล) อายุ 63 ปี ชาวบ้านน้อยนาดี ต.ท่าตะเกียบ อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา ว่า เมื่อช่วงสิ้นเดือนพฤษภาคม 2567 ตนเองได้รับหมายเรียกฯ คดีล้มละลายระหว่าง กรมสรรพากร กับ นายบุญยืน (ลูกหนี้) มีใจความว่า ด้วยคดีนี้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ประกาศนัดประชุมเจ้าหนี้ครั้งแรกในวันที่ 17 กรกฏาคม 2567 เวลา 10.00 น. แจ้งให้ตนไปพบที่กองบังคับคดีล้มละลาย 3 กรมบังคับคดี กรุงเทพฯ ถ้าไม่ปฏิบัติตามหมายนี้อาจมีโทษทางอาญา จึงไปปรึกษา นายพงษ์ชัย นามไพ (ส.อบต.) ซึ่งช่วยนำเรื่องนี้มาร้องกับสื่อฯ
นายบุญยืน เล่าว่า เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ไปรับจ้างทำงานก่อสร้างที่ จ.จันทบุรี และมีนักธุรกิจที่เป็นนายจ้างมาขอให้ตนส่งชื่อไปเป็นผู้ประมูลงานรับเหมา ตนก็ไม่ได้คิดอะไร จนกระทั่งกลับมาอยู่บ้านได้ 10 ปี จึงมาทราบว่า เป็นหนี้กรมสรรพากรกว่า 20 ล้านบาท ตนเองตกใจกลัวมาก เครียดจนป่วย และยิ่งกว่าเคราะห์ซ้ำกรรมซัด ตนเองได้รับเงินเบี้ยผู้สูงอายุครบ 60 ปี เดือนละ 600 บาท จากองค์การบริหารส่วนตำบลท่าตะเกียบ โอนเข้าบัญชี ธกส. ของตน ทุกเดือน ตลอด 3 ปี เป็นเงินจำนวนรวมกว่าสองหมื่นบาท ไม่เคยเบิกเป็นเงินสดมาใช้ได้สักครั้ง เพราะถูกอายัด
นายบุญยืน กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนเองกับภรรยา จะอดตายแล้ว ข้าวสารไม่มีกรอกหม้อ หวังเพียงได้เงินตามสิทธิประชาชนคนไทยที่รัฐบาลให้ผ่าน อบต.ท่าตะเกียบ มาได้เบิกใช้ซื้อข้าว จะได้ไม่อดมื้อกินมื้อ ร่างกายก็เจ็บออดๆ แอด ออกไปหารับจ้างไม่ค่อยไหวแล้ว หากจะต้องติดคุกก็แล้วแต่เวรแต่กรรม แต่ตอนนี้ขอเพียงมีข้าว อาหารกินก็พอ
ด้าน นายพงษ์ชัย นามไพ (ส.อบต.) เล่าว่า หลังรับทราบเรื่องครั้งแรกว่าน้าบุญยืน เบิกเงินไม่ได้ จึงพาไปปรับสมุดที่ ธกส. พบว่ามียอดเงินกว่าสองหมื่นบาท แต่ทำไมเบิกไม่ได้ จึงสอบถามเจ้าหน้าที่ ธกส.ท่าตะเกียบ ทราบว่า มีหนังสือจากกองบังคับคดีฯ ให้อายัดเงิน เพราะต้องคดีล้มละลาย ตนก็งงว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะนี่เป็นเงินตามสิทธิคนไทย จึงพาไปที่กองบังคับคดีที่จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อสอบถามหาทางช่วย
แต่ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่บอกว่าให้ไปหาหลักฐานมาว่าเงินมาจากสิทธิผู้สูงอายุ ตนก็พากันกลับมาขอเอกสารต้นเรื่องที่ อบต.ท่าตะเกียบ ย้อนยอดไปตั้งแต่มีสิทธิรับเงินผู้สูงวัย 600 บาท ต่อเดือน รวม 3 ปี กว่า สองหมื่นบาท นำไปให้เจ้าหน้าที่กองบังคับคดีที่ฉะเชิงเทราแต่เรื่องก็เงียบ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง