ข่าว

ยังไม่จบ ครูปูเป้ โต้ ไม่เคยบอก ชายผิวดำ อุ้ม "น้องอลิส" ไป ก่อนพบเป็นศพ

ยังไม่จบ "ครูปูเป้" โต้ "ครูหนุ่ย" ไม่เคยโทรศัพท์บอก ชายผิวดำ อุ้ม "น้องอลิส" ไป ก่อนพบเป็นศพในหนองน้ำ ผู้ปกครองลั่นต้องเปลี่ยนครูทั้งชุด

เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา ที่ ต.คอนกาม อ.ยางชุมน้อย จ.ศรีสะเกษ เป็นการประกอบพิธีสวดมาติกาบังสุกุลเป็นคืนสุดท้าย "น้องอลิส" เด็กหญิง วัย 3 ขวบ ที่เสียชีวิตแบบปริศนา หลังหายออกไปจาก ศูนย์เด็กเล็ก โดยที่คุณครูไม่ทราบ ในช่วงเที่ยงวันของวันที่ 14 มิ.ย. 2567 ก่อนไปพบศพที่จมน้ำเสียชีวิตในหนองน้ำ ที่ห่างออกไปราว 750 เมตร จนทำให้ทุกคนปักใจว่า เด็กหญิงตัวเล็กๆ ขาสั้นๆ จะเดินไปได้เพียงลำพังคนเดียว ทำให้เกิดผู้ต้องสงสัยเป็นคุณครูที่ ศูนย์เด็กเล็ก 3 คน แม่ครัว 1 คน

 

 

โดยในคืนสวดวันสุดท้าย ครูปูเป้ มานั่งรับฟังสวดนั่งคู่กับสามี ครูน้อยนั่งอยู่ในกลุ่มอยู่ด้านหน้า ซึ่งทั้ง 2 คน ไปรายงานตัวรับการสอบสวนคดีจากเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ส่วน ครูหนุ่ย ได้นั่งแยกออกมาอยู่ด้านหลังสุดเพียงลำพัง ซึ่งได้ทำหนังสือขอเลื่อนการเข้ารับฟังข้อกล่าวหา และรับการสอบสวนเป็นวันที่ 23 มิ.ย. 2567 โดยเปิดประเด็นสาเหตุที่ยังไม่ได้รายงานตัว ว่า "ได้รับโทรศัพท์จาก ครูปูเป้ ว่า ลูกสาว ครูปูเป้ ที่เป็นเพื่อนเล่นกับ "น้องอลิส" บอกว่า น้องอลิส จะเอารองเท้าของเพื่อนอีกคนไปทิ้งน้ำ และเมื่อน้องอลิสเดินไปโดยลงสะพานไม้ เดินขั้นถนนอีกฝั่ง มีชายผิวดำ ที่ปั่นรถจักรยานมา ได้อุ้มอลิสไป" 

 

เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบ ได้มาที่บ้าน ครูปูเป้ เพื่อมาบันทึกสอบปากคำเพิ่มเติมยืนยันคำพูดของ ครูหนุ่ย ส่วนชาวบ้านที่นำลูกหลานไปเข้าศูนย์ วันนี้ต่างไม่มั่นใจในครูทั้ง 3 คน หากยังอยู่จะไม่นำลูกหลานไปเข้าศูนย์อีกเลย ยอมเลี้ยงดูแลเองดีกว่า ซึ่งในงานสวดมาติกาบังสกุลร่างน้องอลิส คืนสุดท้าย พ่อแม่ของ "น้องอลิส" เล่าให้ฟังว่า ในวันนี้ช่วงบ่ายๆ ได้รับโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขอให้ไปพบเพื่อให้ข้อมูลในด้านคดีเพิ่มเติม ซึ่งหลังจากพบเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ก็ทราบว่าคดีเดินหน้าไปมาก และมั่นใจขึ้นกับการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และก็หวังพึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า จะสามารถจับคนร้ายที่ฆ่าลูกของตนได้ ยังมีความหวังรอวันนั้นอยู่ 

 

 

ด้าน ครูปูเป้ ได้ให้สัมภาษณ์ เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เกิดเหตุมา ว่า ตนไม่ได้โทรศัพท์ไปบอกอะไรใครทั้งนั้น โดยเฉพาะเรื่องที่ ครูหนุ่ย บอกว่าตนโทรไปบอกว่าลูกตนบอกว่า "น้องอลิส" ถูกชายผิวดำปั่นรถจักรยานมาอุ้มไป เพราะนับตั้งแต่ตนไปรายงานตัวรับทราบข้อกล่าวหา รับการสอบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยึดเอาโทรศัพท์มือถือ เครื่องมือสื่อสารตนไปหมดแล้ว โดยก่อนหน้านี้ก่อนที่จะเข้าไปทำงานที่ศูนย์ คุณครูเขาก็จะพูด ว่า "พ่อใหญ่ถุงดำนี่คือคนแปลกหน้าน่ะ อย่าเข้าไปใกล้นะ" ประมาณนี้ 

 

ส่วนที่ครูหนุ่ยพูดว่าตนโทรไปบอกนี้ ไม่เป็นความจริง ตนไม่เคยโทรไปบอก ซึ่งทุกเรื่อง ตนได้ให้ปากคำการสอบสวนกับเจ้าหน้าไปหมดแล้ว แต่ตนยอมรับว่าเสียใจกับน้องจริงๆ ส่วนเรื่องกฎหมาย ผิดก็ว่ากันไปตามผิด ประมาทก็ว่ากันไปตามประมาท  

 

ขณะเดียวกัน คุณยายของหลาน 3 ขวบ ที่เป็นเพื่อนเล่นสนิทกับ "น้องอลิส" ได้เปิดกลุ่มไลน์ของผู้ปกครอง ไล่ดูมานับตั้งแต่ก่อนหน้านี้ ที่ครูไม่สนใจที่จะดูแลเด็ก ตามที่ผู้ปกครองมอบความไว้ใจให้ บ่อยครั่งที่ปล่อยให้เด็กเดินออกมาไกลๆ จากศูนย์ จนมีชาวบ้านมาพบได้อุ้มกลับเข้าไปส่งครูก็ไม่สนใจ เพราะส่วนใหญ่นั่งเล่นโทรศัพท์กันมากกว่าที่จะใส่ใจลูกหลานที่ชาวบ้านนำไปฝากเลี้ยงดูแล โดยกล่าวว่า หลานของตนเปิดเทอมวันแรก 16 พ.ค. 2567 หนีออกมาได้ 4 ครั้ง รอบแรกมาเจอคุณตาที่หน้าวัด บอกตาว่า หิวน้ำ ตาก็เลยอุ้มไปกินน้ำที่ศูนย์และส่งให้ครูศูนย์ 

 

ต่อมา 12 มิ.ย. 2567 หลานตนก็ออกมาถึงหน้าวัดถึงถนนใหญ่ ชาวบ้านเจอก็เอาเข้าไปส่ง แสดงว่าคุณครูไม่ค่อยใส่ใจในการดูแลเด็กที่ศูนย์ว่าครบหรือไม่ และตนก็ไม่เชื่อว่า "น้องอลิส" จะเดินไปไกลได้ขนาดนั้น แต่เชื่อว่าน่าจะเสียชีวิตอยู่ในศูนย์ อะไรทำนองนี้ก่อนไปพบร่างที่หนองน้ำ ซึ่งตอนนี้ตนไม่มีความมั่นใจในตัวครูเลยสักคน ถ้าเปิดศูนย์มาตนก็จะไม่เอาหลานเข้าศูนย์หากครูชุดนี้ยังอยู่ ซึ่งได้คุยไลน์กันในกลุ่ม ผู้ปกครองทุกคนให้ความเห็นมาว่า หาก ครู ชุดนี้อยู่จะไม่นำลูกหลานไปเข้าศูนย์ ยอมเลี้ยงดูแลเอง และหากจะให้เข้าศูนย์ ต้องทำรั้วรอบ กำแพงสูงมีกล้องวงจรปิด และเปลี่ยนครูใหม่ทั้งชุด 

 

 

โดย : พงษ์พัฒน์ ไตรพิพัฒน์

 

ข่าวที่น่าสนใจ