ข่าว

รวบทันควัน! แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกรอรับเงินจากเหยื่อสูงอายุ สูญ 3 ล้าน

02 ก.ค. 2567

รวบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกเงินผู้สูงอายุที่ไม่มีแอปธนาคาร รอบแรกได้เงินสดไปเป็นล้าน รอบสองหลอกให้เบิกเงินธนาคารเกือบ สูญ 3 ล้าน

ผู้ต้องหา แก๊งคอลเซ็นเตอร์
 

2 ก.ค. 67 พ.ต.อ.สมชาย ทิวงษา ผกก. สภ.บ้านบึง จ.ชลบุรี พร้อมกำลังชุดสืบสวน เข้าจับกุมตัวผู้ต้องหาที่ร่วมกันหลอกเอาเงินผู้อื่น หลังผู้เสียหายเป็นชายสูงวัย คือ นายชาย (นามสมมุติ) อายุ 80 ปี



คดีนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 67 แก๊งคอลเซ็นเตอร์อ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ โทรศัพท์มาพูดคุยแจ้งกับชายสูงอายุวัย 80 ปี ว่าได้มีส่วนกันเกี่ยวข้องกับการทำผิดกฏหมาย และการฟอกเงิน ให้โอนเงินที่อยู่ในบัญชีธนาคาร เพื่อตรวจสอบ หากไม่ทำตามจะถูกดำเนินคดี เพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจ จะต้องให้ความร่วมมือกับผู้อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่

 

และห้ามผู้เสียหายเปิดเผยเรื่องนี้ให้ใครรู้ ให้เก็บเป็นความลับ แต่เนื่องจากผู้เสียหาย ไม่ได้ติดตั้งแอปพลิเคชันธนาคารเอาไว้ จึงไม่สามารถโอนเงินผ่านโทรศัพท์มือถือได้ ทางมิจฉาชีพให้เตรียมเบิกเงินสดจากธนาคารเอาไว้เดี๋ยวจะมีคนมารับเงิน
     


ต่อมาวันที่ 27 มิ.ย. 67 ผู้เสียหายได้เดินทางไปเบิกเงินสดที่ธนาคารแห่งหนึ่ง ใน อ.บ้านบึง จำนวน 3 ล้าน โดยแก๊งคอลเซนเตอร์จะเป็นคนนัดแนะเวลาสถานที่ นัดรับเงินสดที่หน้าโชว์รูมรถแห่งหนึ่งบนถนนสาย 344 พื้นที่ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี  ผู้เสียหายได้มอบเงินจำนวน 3 ล้านบาทให้กับคนที่มารับเงินไป


จากนั้นทางแก๊งคอลเซนเตอร์ ก็ได้ติดต่อมาอีกในวันที่ 1 ก.ค. 67 บอกให้ผู้เสียหายจะโอนเงินที่อยู่ในบัญชีธนาคารทั้งหมดมาให้ตรวจสอบอีก และจะมีคนมารับเงินเหมือนครั้งก่อน ผู้เสียหายจึงให้ลูกสาวช่วยขับรถไปส่ง กระทั่งลูกสาวรู้ความจริงจึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจววางแผนเพื่อจับกุม



โดยจับกุมตัวได้บริเวณริมถนนสาย 344 หน้าหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เขตอำเภอบ้านบึง ชลบุรี ทราบชื่อต่อมาคือนายวิศรุต อายุ 35 ปี ซึ่งเคยก่อเหตุในลักษณะเดียวกันในพื้นที่ สน.โชคชัย ได้เงินไปจำนวน 1.5 ล้านบาท จนมาถูกจับกุมในครั้งนี้ ส่วนผู้ต้องหาที่ร่วมมือกันอีกรายทราบชื่อนายแบงค์ ได้หลบหนีไปได้



ลูกสาวผู้เสียหาย


ด้าน  ลูกสาวผู้เสียหาย  เล่าว่าพ่อของเธอหลงเชื่อแก๊งมิจฉาชีพ ที่ส่งเอกสารปลอมมาให้ดูทางไลน์ ว่า มีส่วนพัวพันกับการฟอกเงินและทำผิดกฏหมาย ขอตรวจสอบเงินในบัญชีธนาคาร โดยการให้โอนเงินไปให้ตรวจสอบ แต่คุณพ่อของเธอไม่ได้มีแอปพลิเคชันของธนาคาร จึงไปเบิกเงินสดจากธนาคารมา 3 ล้าน


และเกือบจะสูญเงินอีกเป็นครั้งที่สอง ดีที่ตนเองได้ทำการสอบถามรายละเอียดจากพ่อ จนทราบว่าถูกแก๊งคอลเซนเตอร์หลอก จึงประสานตำรวจ สภ.บ้านบึง ตามจับแก๊งมิจฉาชีพได้ 1 คน
     



 

พ.ต.ท.พิสิฐ กิจขุนทด รอง ผกก.สืบสวน สภ.บ้านบึง ได้เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาที่จับกุมได้เป็นส่วนหนึ่งของแก๊งคอลเซนเตอร์ ที่หลอกผู้เสียหายให้โอนเงิน แต่เนื่องจากทางญาติ ๆ ของผู้เสียหาย มีความเป็นห่วงความปลอดภัยในทรัพย์สินและเป็นผู้สูงอายุ จึงไม่ได้ติดตั้งแอปพลิเคชันของธนาคารไว้กับโทรศัพท์มือถือ ทางกลุ่มมิจฉาชีพจึงหลอกให้ผู้เสียหายเบิกเงิน และจะเดินทางมารับเงินกับผู้เสียหายตามสถานที่นัดหมาย โดยทำสำเร็จไปแล้ว 1 ครั้ง

 


ครั้งนี้ ตำรวจ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ จึงตั้งข้อหา ร่วมกันฉ้อโกง ประชาชนโดยการแสดงตนว่าเป็นคนอื่น โดยทุจจริตหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และเสพสารเสพติด

 


เบื้องต้น ผู้ต้องหายอมรับว่าเสพยาเสพติด ส่วนข้อหาอื่น ๆ ยังปฏิเสธ แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีหลักฐานชัดเจนกับพฤติกรรมของทางผู้ต้องหาว่าได้ก่อเหตุจริงจึงวางแผนเข้าจับกุมดังกล่าว