สาวร้องทนายรณณรงค์ เลื่อยไฟฟ้าตัดขาขาด 2 ข้าง ยื่นเคลมประกันอุบัติเหตุ วงเงิน 10 ล้าน แต่ประกันไม่จ่าย อ้างมีกรมธรรม์หลายเล่ม แล้วไม่แจ้ง
5 ก.ค. 2567 เมื่อเวลา 11.30 น. นายประดิษฐ์ อายุ 33 ปี พร้อม น.ส.โชติกา หรือทิพย์ อายุ 30 ปี สองสามีภรรยา เข้าร้องเรียนทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เพื่อขอความช่วยเหลือกรณี น.ส.โชติกา ประสบอุบัติเหตุเลื่อยไฟฟ้าสะบัดมาโดนขา แพทย์ตัดสินใจตัดขาทั้งสองข้างออก กลายเป็นคนพิการ พอแจ้งประกันที่ทำไว้กลับปฏิเสธจ่ายสินไหม อ้างว่าทำประกันไว้หลายบริษัทฯ จงใจปกปิดข้อมูล
น.ส.โชติกา เล่าว่า อยู่กินกับสามีมาหลายสิบปี มีลูกสาว 2 คน อายุ 5 ขวบ และ 3 ขวบ ตนกับสามีประกอบอาชีพค้าขายอยู่ที่ จ.อุดรธานี โดยเมื่อวันที่ 7 พ.ค. ที่ผ่านมา ตนกับน้องชายต้องการตัดต้นไม้ใหญ่ ที่อยู่ข้างรั้วบ้าน น้องชายได้นำเลื่อยไฟฟ้ามาทำการตัดต้นไม้ดังกล่าว ช่วงที่ต้นไม้กำลังจะขาด ตนจึงเอามือผลักต้นไม้ให้ล้มลงไปด้านข้าง ซึ่งเป็นทุ่งนา
จากนั้นเลื่อยไฟฟ้าที่น้องชายถืออยู่ สะบัดมาโดนขา 2 ข้าง ของตนเองจนลึกเห็นกระดูก สามีรีบวิ่งออกมาจากบ้าน และนำตัวตนเองส่งโรงพยาบาลกุดจับ แต่อุปกรณ์เครื่องมือการรักษาไม่พอจึงนำส่งต่อที่โรงพยาบาลเอกชน ในตัว จ.อุดรธานี แพทย์ตัดขาทั้งสองข้างออก เนื่องจากเพราะไม่สามารถทำการรักษาได้ ทำให้ตนกลายเป็นคนพิการทันที
น.ส.โชติกา เล่าอีกว่า ต่อมาตนได้ทำเรื่องและติดต่อไปที่บริษัทประกัน ซึ่งตนได้ทำอุบัติเหตุไว้ วงเงิน 10 ล้านบาท นอกจากนี้ตนเองยังมีกรมธรรม์อีก 5 เล่ม ที่ทำไว้กับอีกหลายบริษัท รวมแล้ว 6 เล่ม วงเงิน 29 ล้านบาท ปรากฏว่าทางบริษัทประกันฯ ที่ติดต่อไปรายแรก ปฏิเสธการจ่ายเงินที่ตนทำไว้ และอ้างว่าตนเองมีกรมธรรม์หลายเล่ม ถือเป็นการปกปิดข้อมูลจึงไม่อยู่ในเงื่อนไขที่จะรับผิดชอบ ทำให้ตนเองรู้สึกเสียใจ
ยอมรับว่าก่อนหน้านี้ตนทำกรมธรรม์แบบสุขภาพ เนื่องจากมีโรคกระเพาะเลยใช้สิทธิ์เบิกค่ารักษาพยาบาลบ่อย จึงไม่สามารถทำประกันสุขภาพได้อีก เลยเปลี่ยนมาทำเป็นแบบประกันชีวิตและทุพพลภาพ หากประสบอุบัติเหตุตายหรือพิการครอบครัวจะได้ไม่ลำบาก แต่ก็ไม่คิดว่าจะมาถูกบริษัทปฏิเสธจ่ายสินไหม จึงต้องมาร้องมูลนิธิรณรงค์ฯ ให้ช่วยเหลือ
หลังเกิดเหตุน้องชายถูกตำรวจดำเนินคดี ในข้อหาประมาททำให้ตนได้รับบาดเจ็บสาหัส ตนต้องพิการไปตลอดชีวิต คงไม่มีใครมีความคิดที่จะมาทำร้ายตัวเอง และทำให้น้องต้องมาเสี่ยงติดคุก เพื่อหวังเงินประกันหรอก มันไม่คุ้มกับเงินที่ได้มา ลูกสาวก็ถามทุกวันว่าแม่ขาหายไปไหน ทุกวันนี้เวลาไปไหนกับสามี ก็มีแต่คนมอง อยากขอความเห็นใจจากสังคมและบริษัทประกันภัย ให้เข้าใจถึงความสูญเสียที่ตนกับครอบครัวได้รับในครั้งนี้ด้วย
ด้าน ทนายรณณรงค์ กล่าวว่า หลังทราบเรื่องตนได้มอบหมายให้นายชาญชัย ที่ปรึกษามูลนิธิ นำผู้เสียหายขึ้นรถเดินทางไปที่สำนักงานคณะกรรมการและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) สำนักงานใหญ่ กรุงเทพ เพื่อให้เรียกคู่กรณีทางบริษัทประกันภัยมาเจรจรเจรจาไกล่เกลี่ย หากไม่มีการรับผิดชอบหรือชดใช้ ตนจะพาผู้เสียหายไปร้องสำนักงานอัยการสูงสุดทันที
ข่าวที่เกี่ยวข้อง