เร่งซ่อม "อ่างเก็บน้ำห้วยเชียงคำ" หลายตำบลอ่วม น้ำพัด นักศึกษา ลอยติดต้นไม้

ความคืบหน้า คันกั้นน้ำ "อ่างเก็บน้ำห้วยเชียงคำ" ขาด มวลน้ำจำนวนมหาศาลไหลเข้าท่วมพื้นที่ท้ายอ่างเก็บน้ำ อย่างน้อย 4 ตำบล ได้แก่ ต.โนนราษี ต.กำพี้ ต.ดอนงัว ต.หนองม่วง มีพื้นที่ทางการเกษตรที่คาดว่าจะได้รับความเสียหายกว่า 10,000 ไร่ ล่าสุดพบว่า น้ำได้ไหลออกจากอ่างหมดแล้ว ซึ่งจุดที่คันกั้นน้ำขาดถือเป็นจุดที่ลึกที่สุด ทำให้น้ำจำนวน 5 ล้านลูกบาศก์เมตร ไหลออกจนหมด คงหลงเหลือไว้เศษซากดินโคลนเท่านั้น โดยมีชาวบ้านนำแฉลง มาหาปลาภายใน อ่างเก็บน้ำ ในจุดที่ยังมีน้ำหลงเหลืออยู่เป็นจำนวนมาก

 

 

ทาง โครงการชลประทานมหาสารคาม ได้ประสานกับสำนักชลประทานที่ 6 กรมชลประทาน นำเครื่องจักรเข้าพื้นที่เพื่อเร่งซ่อมแซมจุดที่ขาด ความยาวประมาณ 60 เมตร โดยช่างได้ทำตาข่ายบรรจุหิน บรรจุในตะแกรงหรือทำหินแกรเบียล เพื่อเตรียมนำไปวางตามจุด ซึ่ง สถานการณ์น้ำปัจจุบันระดับน้ำอยู่ต่ำกว่าระดับกัดเซาะ โดยจะได้ดำเนินการ 

 

1. ก่อสร้างทำนบดินชั่วคราว เหนือช่องขาด เพื่อปิดกั้นช่องขาดพร้อมทั้งเสริมความแข็งแรงด้วยกล่อง gabion บรรจุหินใหญ่ เพื่อ ป้องกันน้ำไหลผ่านและให้สามารถเก็บกักน้ำได้ ระยะเวลาดำเนินการ 1-2 วัน 
2. ดำเนินการก่อสร้างตัวเขื่อน กลับคืนสู่สภาพเดิม 
3. ดำเนินการก่อสร้างทางระบายน้ำล้นชั่วคราว เพื่อช่วยระบายในช่วงน้ำหลาก 

 

สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาเร่งด่วน นั้น ได้นำเครื่องจักร เครื่องมือลงพื้นที่ เข้าไปกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ เพื่อเร่งระบายน้ำลงลำน้ำเสียวใหญ่เป็นการลดผลกระทบจากน้ำไหลลงสู่พื้นที่ท้ายอ่างฯของประชาชนให้รวดเร็ว คาดว่าสามารถระบายน้ำได้ภายใน 5 วัน จะกลับสู่ภาวะปกติ ซึ่งกรมชลประทานจะติดตามและควบคุมสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ 

 

 

 

ด้าน นายศฏายุช ไชยะลาด นายอำเภอบรบือ จ.มหาสารคาม เปิดเผยว่า จากการสำรวจความเสียหายพบว่าพื้นที่การเกษตรเสียหาย1หมื่นไร่ คลอบคลุมพื้นที่ 4 ตำบล ต.โนนราษี ต.กำพี้ ต.ดอนงัว และ ต.หนองม่วง อ.บรบือ ที่ มวลน้ำไหล ผ่านลงลำเสียวใหญ่ เบื้องต้นได้สำรวจความเสียหายทั้งพื้นที่การเกษตร ปศุสัตว์ ถนน บ้านเรือน ได้ประสานหน่วยงานแต่ละหน่วยเข้าไปสำรวจเพิ่มเติม โดยมี ทหาร พล.ร.6 มทบ. ในพื้นที่เข้ามาดูแล

 

ขณะเดียวกันวันนี้ ชาวบ้านโคกกลาง หมู่ที่ 10 ต.โนนราษี อ.บรบือ จ.มหาสารคาม พากันออกมาดูความเสียหาย พร้อมกับเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เกิดมาไม่เคยเห็น ยอมรับว่าตกใจจนขาอ่อนแรง และกังวลพื้นที่การเกษตรเพราะที่นาติดกับห้วย ต้องรอดูว่าจะมีหน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือเยียวยาอย่างไรบ้าง เพราะที่นาได้รับความเสียหาย

 

 

 

 

ขณะที่ในพื้นที่ ต.แคน และ ต.หนองแสน อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม มวลน้ำจากอ่างเก็บน้ำได้ทะลักเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรและที่อยู่อาศัยของประชาชนเป็นบริเวณกว้าง  สอบถามชาวบ้านว่าไม่ได้รับการแจ้งเตือนล่วงหน้าว่าจะมีมวลน้ำจาก อ.บรบือ ไหลเข้ามาในพื้นที่ ทำให้ชาวบ้านไม่ได้ทำการเคลื่อนย้ายทรัพย์สินได้ทัน ทำให้ในช่วงเช้าของวันที่ 17 ก.ค. 2567 ทางด้านกู้ภัยวาปีปทุมได้รับการประสานจึงได้ออกไปที่ บ้านแคน ต.แคน เพื่อช่วยชาวบ้านออกมาจากที่นา น้ำได้ไหลเข้ามาตั้งแต่เมื่อวานช่วงเย็นปริมาณน้ำเยอะมากไม่เคยเห็นมากก่อน 

 

จากนั้นได้รับแจ้งคนพลัดตกน้ำ ลอยคอติดต้นไม้ 5 คน ที่ บ.ปลาบู่ ต.หนองสง อ.วาปีปทุม ทางกู้ภัยจึงเร่งเข้าให้การช่วยเหลือ พบว่าเป็นน้อง นักศึกษา วัย 16 ปี วิทยาลัยเทคนิควาปีปทุม ที่ได้ขี่รถจักรยานยนต์จากบ้านดงเค็งเพื่อจะไปเรียนหนังสือ แต่มาโดนกระแสน้ำพลัดตกจากถนนหลวง 4042 เส้นบ้านปลาบู่ ทำให้ลอยคอในน้ำลึกเกือบ 3 เมตรไปติดที่ต้นไม้หนึ่งคนและติดที่กระท่อมนาของชาวบ้านอีก 1 คน ส่วนผู้ใหญ่อีก 3 คนที่จะลงไปช่วยแต่กระแสน้ำแรงได้เกาะอยู่ที่รั้วที่นาชาวบ้านห่างจากถนน 500 เมตร กู้ภัยได้ช่วยเหลือขึ้นมาทั้งหมดปลอดภัยแล้ว 

 

 

 

 

ทางด้าน อ.วาปีปทุม ได้ทำการออกช่วยเหลือชาวบ้านที่ยังติดค้างในพื้นที่น้ำท่วมให้ออกมาอยู่ในที่ปลอดภัย สถานการณ์น้ำตอนนี้ได้ไหลผ่านอำเภอวาปีปทุมไปเข้าอำเภอปทุมรัตน์จังหวัดร้อยเอ็ดแล้ว แจ้งเตือนชาวบ้านที่อยู่บริเวณริมลำน้ำเสียวให้เก็บของขึ้นที่สูงด้วย

 

 

โดย : อเนก กระแจ่ม / สมไชย