"พายุลมแรง" พัดกระหน่ำ ตราด ซัดระเบียงอาคารพาณิชย์พังถล่ม 3 คูหา | คมชัดลึก

เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ที่บริเวณถนนพัฒนาปลายคลอง เขตเทศบาลเมืองตราด เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองตราด ได้รับแจ้งว่า มี อาคารพาณิชย์ ถล่มลงมาหลังเกิด พายุลมแรง จึงประสานกับเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างบุญช่วยเหลือตราด ที่อยู่ใกล้เคียงเข้าไปตรวจสอบ พบในที่เกิดเหตุเป็น อาคารพาณิชย์ 2 ชั้น ระเบียงปูนถล่มลงมา 3 คูหา และมีเศษอิฐและปูนตกลงมาทับรถจักรยานยน 2 คัน ได้รับความเสียหาย เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต แต่ได้ให้ประชาชนอีก 9 คูหา อพยพประชาชน และผู้สูงอายุย้ายไปยังที่ปลอดภัย เนื่องจากเกรงว่าระเบียงอาจจะถล่มเพิ่ม 

 

 

นายสุรศักดิ์ ภูติภัทร นายกเทศบาลเมืองตราด และ นายไพศาล ยันต์วิเศษ ปลัดเทศบาลเมืองตราด เดินทางมาตรวจสอบความเสียหายในที่เกิดเหตุ และสั่งการให้ควบคุมพื้นที่เสียหายไว้เพื่อให้พนักงานสอบสวนเข้ามาตรวจสอบความเสียหาย เจ้าของร้านตัดผม และเจ้าของ รถจักรยานยนต์ชอปเปอร์ เล่าว่า ระหว่างนอนดูทีวีอยู่ชั้น 2 ได้ยินเสียงดังโครม จึงได้วิ่งลงมาดูพบระเบียงของตึกข้างๆ ที่มีกันสาดและผ้าใบพังถล่มลงมา ปูนได้ตกใส่ รถช็อปเปอร์ จนถังน้ำมันแตก ซึ่งรถคันนี้ตนเองได้จอดที่หน้าร้าน เพิ่งเสียค่าซ่อมมาใหม่ กว่า 2 หมื่นบาท เพื่อจะนำไปขายให้เพื่อน โดยก่อนหน้านี้มลมพัดมาแรง และเป็นลมหมุนพักเดียวก็มีเสียงดังโครมลงมาหน้าอาคารดังกล่าว

 

ด้าน เจ้าของ อาคารพาณิชย์ 3 คูหา ที่ระเบียงถล่มลงมา กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุไม่ได้อยู่ที่อาคารแห่งนี้ มาทราบจากคนในบ้านว่าระเบียงปูนอาคารถล่มลงมา และมีทรัพย์สินบางส่วนเสียหายแต่ยังไม่ทราบว่ามีมูลค่าเท่าไร ซึ่งอาคารนี้สร้างมานานแล้วกว่า 20 ปี ส่วนสาเหตุน่าจะมาจากลมพายุที่พัดผ่านมาแรง และมีผ้าใบติดอยู่อาจจะเกิดการกระชากผ้าใบอย่างแรงและกระตุกหลายๆ ครั้งติดต่อกันจึงทำให้กันสาดที่เก่าถล่มลงมาดังกล่าว 

 

 

 

 

ต่อมา พ.ต.ต.หญิง ปิยะภรณ์ คำหวาน สารวัตรเวร สภ.เมืองตราด เดินทางตรวจสอบในที่เกิดเหตุและบันทึกปากคำของเจ้าของอาคารพาณิชย์ก่อนเดินทางกลับ นายสุรศักดิ์ กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่เทศบาลจึงเดินทางออกมาพร้อมปลัดเทศบาล พบว่า ระเบียงปูน 3 คูหา ซึ่งสาเหตุมาจากลมพัดแรง เบี้องต้นได้เก็บหลักฐานไว้และกันพื้นที่ไว้เพื่อให้ฝ่ายโยธาธิการของเทศบาลมาตรวจสอบในวันนี้ 

 

ขณะ นายไพศาล กล่าวว่า ความเสียหายนั้น ทางเทศบาลเมืองตราดสามารถชดเชยให้ได้ตามระเบียบ แต่คงไม่ได้มากนักเพราะหากพิจารณาทั้งหลังจะได้รับการเยียวยาเพียง 49,000 บาทเท่านั้น อย่างไรก็ตาม จะได้ทำประวัติและหลักฐานเพื่อให้ความช่วยเหลือต่อไป สำหรับพื้นที่เกิดเหตุ เป็นจุดที่ถูก น้ำท่วม เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2567 และน้ำเพิ่งลดทั้งหมดเมื่อเช้าวันที่ 23 ก.ค. 2567 ก่อนจะมาเจอพายุลมแรงซ้ำเติมอีก 

 

 

 

 

โดย : กฤษฎาพงษ์ แววคล้ายหงษ์