ยายเครียด โรครุมเร้า พาหลานสาว 6 ขวบ จบชีวิตหวังหนีปัญหา เสียชีวิต 1 ราย
ยายเครียด โรครุมเร้า พา หลานสาว วัย 6 ขวบ แขวนขื่อ หวังจบชีวิตหนีปัญหา แต่เชือกขาดร่วงหัวฟาดพื้นเจ็บสาหัส หลานสาวเสียชีวิต 1 ราย
ร.ต.อ.ธีรยุทธ อังวะ รองสารวัตรสอบสวนสถานีตำรวจภูธรลาดหญ้า รับแจ้งเหตุ 2 ยายหลานผูกคอตายเสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดที่บ้านหลังหนึ่งภายในบ้านท่ามะนาว หมู่ 2 ต.วังด้ง อ.เมือง จ.กาญจนบุรี หลังรับแจ้งจึงได้ประสานเจ้าหน้าที่มูลนิธิพิทักษ์การพร้อมแพทย์เรียนโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ในที่เกิดเหตุพบเป็นบ้านปูนชั้นเดียว
ที่บริเวณด้านหลังบ้าน พบร่างของผู้เสียชีวิต เป็น เด็กหญิง อายุประมาณ 6 ปี นอนหงายเสียชีวิตอยู่บนพื้น ตรวจสอบพบบาดแผลถูกรัดที่ลำคอเป็นแผลขนาดใหญ่ และพบร่างผู้ได้รับบาดเจ็บ เป็นหญิงสูงวัย มีร่องรอยถูกเชือกรัดที่ลำคอและมีบาดแผลแตกขนาดใหญ่ที่ศีรษะ เลือดไหลนองเต็มพื้น เจ้าหน้าที่จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนาเพื่อให้แพทย์ทำการ รักษายื้อชีวิต อย่างเร่งด่วน
ตรวจสอบบริเวณด้านหลังบ้านที่เป็นจุดพบศพ พบร่องรอยของการใช้เชือกไนล่อนสีขาว และสายไฟสีดำ ผูกเข้ากับขื่อด้านหลังบ้าน คล้ายกับเป็นบ่วงสำหรับผูกคอตาย สอบถาม นายจำรูญ (สงวนนามสกุล) ซึ่งเป็นสามีของหญิงสูงวัยที่ได้รับบาดเจ็บ และเป็นตาของเด็กหญิงวัย 6 ขวบที่เสียชีวิต ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ผู้เสียชีวิตเป็นหลานสาวของตนและเป็นเด็กที่พิการทางสมองมาตั้งแต่เกิด ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ คือ นางหยิมฟ้า (สงวนนามสกุล) อายุ 58 ปี เป็นภรรยาของตนเองและเป็นยายของหลาน
นายจำรูญ เล่าต่อว่า ตามปกติแล้ว ที่บ้านหลังนี้จะอาศัยอยู่ด้วยกัน 4 คน คือ ตนเอง ภรรยาของตน ลูกสาวของตนซึ่งเป็นแม่ของหลาน และ หลานสาว โดยเมื่อช่วงเช้าตนและลูกสาว ได้ออกไปทำงานที่สนามกอล์ฟตามปกติ มีเพียงภรรยาและหลานสาวอยู่บ้านกันเพียง 2 คน ซึ่งตามปกติแล้ว ภรรยาจะรับหน้าที่เป็นคนดูแลหลานสาวอยู่กับบ้านมาโดยตลอด ตั้งแต่หลานเกิด เนื่องจากพิการทางสมองไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ แต่หลังจาก ภรรยา เริ่มมีอาการป่วย ด้วยโรคความดันและโรคเบาหวาน ก็เริ่มมีอาการเครียด และบ่นกับตนเองบ่อยครั้งว่า หากตัวเองตายไปกลัวจะไม่มีใครคอยดูแลหลานสาวที่พิการ ซึ่งตนก็คอยปลอบใจให้กำลังใจอยู่ตลอด
กระทั่งเมื่อวันที่ 18 ก.ค. ที่ผ่านมา ภรรยา กลับจากการไปหาหมอที่โรงพยาบาล และพบว่าตัวเองมีความเสี่ยงที่จะป่วยด้วยโรคไต ทำให้เกิดอาการเครียดอย่างหนัก แต่ตนก็ไม่คิดว่า จะถึงขั้นทำให้คิดสั้นเช่นนี้
หลังจากที่ตนเองและลูกสาวออกไปทำงาน เวลาประมาณบ่ายโมงเศษ ภรรยาของตนได้โทรมาหาและบอกให้ตนกลับมาที่บ้านหน่อย ซึ่งตนก็คิดว่าภรรยาอาจจะมีอาการป่วย จึงรีบกลับมาดู แต่เมื่อกลับมาถึงบ้านก็พบภรรยาของตน นอนจมกองเลือดอยู่ที่ด้านหลังบ้านส่วนหลานสาวนอนแน่นิ่งเสียชีวิตไปแล้ว โดยยังไม่ทันที่จะได้ถามอะไรภรรยาของตนก็ขอให้ตนช่วยใช้เชือก รัดคอให้เสียชีวิตตามหลานสาวไป ตนจึงรีบโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยกู้ภัยมานำตัวภรรยาของตนส่งโรงพยาบาลดังกล่าว
ทั้งนี้ เชื่อว่าสาเหตุของการลงมือก่อเหตุในครั้งนี้ น่าจะมาจากการที่ นางหยิมฟ้า เกิดความเครียดและวิตกกังวลในอาการป่วยหลายโรคของตนเอง และกลัวว่าหากตนเองเป็นอะไรไปจะไม่มีคนคอยดูแลหลานสาวที่เป็นผู้พิการ ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ จึงได้ตัดสินใจอาศัยช่วงที่ไม่มีคนอยู่บ้าน จับหลานสาวขึ้นไปแขวนคอกับขื่อด้านหลังบ้าน ก่อนจะใช้สายไฟผูกกับขื่อหลังบ้าน แขวนคอตัวเองเพื่อหวังจบชีวิตตามหลานสาวไป แต่เนื่องจากสายไฟรับน้ำหนักของร่างกายไม่ไหว จึงขาดลงและทำให้ร่างของนางหยิมฟ้า ร่วงตกลงมา ศีรษะกระแทกพื้นจนเป็นแผลแตกขนาดใหญ่ ได้รับบาดเจ็บสาหัสดังกล่าว
เบื้องต้น แพทย์โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา ได้ทำการรักษาจนนางหยิมฟ้าอาการปลอดภัยแล้ว แต่ยังต้องคอยให้มีคนเฝ้าดูตลอดเวลา เนื่องจากเกรงว่าอาจจะก่อเหตุฆ่าตัวตายซ้ำอีก ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะได้ให้แพทย์ทำการดูแลรักษาจนหายดี ก่อนจะอายัดตัวเพื่อดำเนินคดีในข้อหาฆ่าคนตายตามกฎหมายต่อไป
โดย : กมนทัต ยิ้มเชิง