ข่าว

‘สังศิต’ชี้สิงคโปร์ได้ภาษีแสนล้านต่อปีจากบ่อนเสรี

‘สังศิต’ชี้สิงคโปร์ได้ภาษีแสนล้านต่อปีจากบ่อนเสรี

25 ก.พ. 2559

‘สังศิต’ ระบุสิงคโปร์เปิดบ่อนถูกกฎหมาย รับภาษีแสนล้านบาทต่อปี เผยไทยพร้อมดำเนินการเรื่องนี้ เหลือเพียงนโยบายจากรัฐ

          ที่โรงแรม เดอะ สุโกศล วันที่ 25 ก.พ.2559 นายสังศิต พิริยะรังสรรค์​ คณะบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต ได้กล่าวภายหลังรับฟังความเห็นต่องานวิจัย “ภาษีการพนันและสนามม้า” ว่า การเปิดคาสิโนถูกกฎหมายได้ในแต่ละประเทศนั้นจะต้องขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัย คือ 1.สังคมและประชาชนจะต้องให้การยอมรับ ซึ่งที่ผ่านมาแนวโน้มการยอมรับของประชาชนในเรื่องนี้ก็มีในทางที่ดีขึ้น 2.รัฐบาลที่สุจริต และมีนโยบายเปิดคาสิโน และ 3.คือผู้ประกอบการธุรกิจ ซึ่งส่วนนี้เอกชนมีความพร้อม หากรัฐบาลจะดำเนินการเองตนเชื่อว่าสามารถทำได้ เพราะมีเงินทุนเพียงพอในการดำเนินงาน เหลือเพียงรัฐที่จะมีนโยบายในการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวและจะต้องเป็นรัฐบาลที่สุจริตไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนเข้ามาดำเนินการด้วย และถึงแม้ว่ากรมสรรพสามิตจะให้ตนและคณะศึกษาเรื่องดังกล่าว แต่ข้าราชการก็ไม่มีสิทธิตัดสินใจในเรื่องนี้ หากต้องขึ้นอยู่กับรัฐบาลอยู่ดี

          นายสังศิต กล่าวอีกว่า ขณะนี้มีกรณีศึกษาที่น่าสนใจ ที่ไม่ได้มุ่งเปิดคาสิโนอย่างเต็มรูปแบบ หากมาในธุรกิจ MICE (Meeting, Incentives, Conferencing, Exhibitions) ที่เน้นให้บริการเรื่องการจัดงาน จัดห้องประชุม โดยมีคาสิโนเป็นส่วนประกอบ ซึ่งเฉพาะภาษีจากธุรกิจคาสิโนนั้นรัฐผ่านไป 3 ปี ได้ภาษีไปมากกว่าปีละแสนล้านบาท ซึ่งขณะนี้ในกลุ่มประเทศอาเซียนมีเพียงไทย และบรูไน เท่านั้นที่ยังไม่มีคาสิโนถูกกฎหมาย ในส่วนของข้อเสียหลายๆประเทศได้ออกมาตรการควบคุม เช่น ป้องกันปัญหาคนมีหนี้สิน กันปัญหาอาชญากรรม โดยสิงคโปร์ได้มีมารตรการ เก็บเงินกับนักพนันครั้งละ 2,000 บาท หรือถ้าอยากเล่นทั้งปีก็กับคนละ 60,000 บาทต่อปี ทั้งนี้ก่อนเข้าคาสิโน นักพนันจะต้องโชว์บัตร เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบสถานะทางการเงิน และอาชีพ หรือถ้าภรรยาไม่ชอบให้สามีเช่นการพนัน ก็สามารถทำเรื่องส่งไปยังทางการ เพื่อให้เขาตรวจสอบได้ หากการเล่นการพนันของคนนั้นมีผลกระทบต่อครอบครัวจริง ก็จะถูกห้ามไม่ให้เข้าคาสิโน

          เมื่อถามว่าหากประเทศไทยเปิดคาสิโนได้ถูกกฎหมาย จะประเมินภาษีที่ไทยได้เท่าไหร่ นายสังศิตกล่าวว่า หากเอาสิงคโปรเป็นตัวตั้ง เราจะได้ภาษี 1 ปี มากกว่าแสนล้านบาท เพราะว่าไทยมีแหล่งท่องเที่ยวที่มากกว่าสิงคโปร์ด้วย สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากกว่า ซึ่งการเปิดคาสิโนในไทยควรเน้นอุตสาหกรรมแบบ MICE ไปเลย และกำหนดมาตรการแบบสิงค์โปรเพื่อป้องกันปัญหาด้านลบตามมาก็ได้ ทั้งนี้รัฐบาลชุดนี้ไม่ได้มีแนวนโยบายเกี่ยวกับคาสิโน เพราะฉะนั้นขณะนี้เรามี 2 องค์ประกอบที่พร้อมแล้ว ซึ่งตนมองว่ายังไม่เห็นโอกาสที่จะมีการเปิดคาสิโนถูกกฎหมายในไทยเร็วๆนี้

          ด้านนางดวงพร อาภาศิลป์ รองคณบดีฝ่ายวิชาการ วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวถึงงานศึกษา “คาสิโนในเขตบริหารพิเศษมาเก๊า แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน” ตอนหนึ่งว่า ภาพรวมของการพนันโลก ทางภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค มีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีอัตราเติบโตมากที่สุดในโลก เนื่องจากมีหลายประเทศ​ได้เปิดนโยบายให้การพนันเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย ในส่วนเขตบริหารพิเศษมาเก๊าที่ประเทศจีน ตั้งแต่มีนโยบายเปิดเสรีการพนันคาสิโนตั้งแต่ปี 2545 ทำให้มีรายรับภาษีเกม (Tax revenue from gaming) เติบโตมากขึ้น โดยในปี 2557 มาเก๊ามีรายรับภาษีเกมมากถึง 136,710 ล้านปาตาคา หรือประมาณ 615,195 ล้านบาทไทย

          นางดวงพรกล่าวต่อไปว่า ในส่วนผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจและสังคมจากการเปิดคาสิโนของมาเก๊านั้น จากงานวิจับพบว่าสิ่งที่ส่งผลกระทบมากที่สุดคือการเพิ่มพนักงานชาวต่างชาติ ที่มีศักยภาพมากขึ้น ซึงน่าจะเป็นผลมาจากการพัฒนาอุตสาหกรรม MICE (Meeting, Incentives, Conferencing, Exhibitions) นอกจากนี้ยังส่งผลทำให้ประชาชนมีสวัสดิการที่ดีขึ้น โดยรัฐบาลมาเก๊านำรายได้จากคาสิโน ให้เป็นโบนัสกับประชาชน 22000 - 26000 บาทต่อปี ยังมีสวัสดิการให้การศึกษาฟรี 15 ปี ให้การรักษาพยาบาลฟรี แต่ก็ยังมีปัญหาเรื่องของผู้ติดพนันเพิ่มขึ้น การมีความปลอดภัยสาธารณะที่เลวลง และการเพิ่มขึ้นของจำนวนอาชญากรตามลำดับ

          ส่วนนายวิษณุ วงศ์สินศิริกุล อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ กล่าวถึงรายงาน “คาสิโนในสิงคโปร์ และมาเลเซีย” ตอนหนึ่งว่า ด้วยเนื่องประเทศสิงคโปร์ ไม่มีทรัพยากรภาคการผลิตที่แข่งขันกับคนอื่นได้ จึงต้องเน้นไปที่ภาคบริการ ให้เป็นตัวขับเคลื่อนประเทศ โดยมีแนวคิดคาสิโนถูกกฎหมาย ซึ่งแนวคิดดังกล่าวก็ถูกต่อต้านมาโดยตลอดจากพรรคการเมืองฝ่ายค้าน และเอ็นจีโอ แต่ตัวนายลี เซียน ลุง นายกรัฐมนตรี ได้ระบุว่าเรื่องการทำคาสิโนให้ถูกกฎหมาย ไม่ไดเป็นเรื่องศีลธรรมแต่เป็นเรื่องของเศรษฐกิจ จึงได้ประกาศนโยบายดังกล่าว แต่ไม่ได้เป็นการเปิดแบบคาสิโนโดยตรง หากมาในรูปแบบของธุรกิจ MICE เป็นแหล่งท่องเที่ยว เสียมากกว่า

          นายวิษณุกล่าวอีกว่า หลังจากที่เปิดคาสิโนถูกกฎหมายในปี 2553 ก็มีผลกระทบด้านบวกคือ ส่งเสริมการท่องเที่ยว เกิดการจ้างงานมากขึ้น สร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้ประเทศมีความเป็นสากลมากขึ้น มีรายได้จากภาษีพนันเพิ่มขึ้น ป้องกันเงินรั่วไหลออกนอกประเทศ สามารถควบคุมปัญหาการพนัน และอาชญากรรมได้ดีขึ้นน ส่วนผลกระทบด้านลบนั้น เช่น ดูดซับเงินจากธุรกิจอื่น มาสู่ธุรกิจคาสิโน, ยังมีมีหลักฐานชัดเจนในเรื่องการป้องกันคนไปเล่นพนันที่ต่างประเทศ และมีปัญหาสังคมอื่นๆ รวมถึงปัญหาคอร์รัปชั่น ซึ่งในส่วนนี้ทางการสิงคโปร์มั่นใจว่าจัดการได้ดี

          ขณะที่นายกฤษฎา พรประภา อาจารย์คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยศิลปากร กล่าวถึงงานวิจัย “สำรวจทัศนคติของประชาชนในการจัดตั้งคาสิโน ในประเทศไทย” ว่ารายงานผลการศึกษาจะพบว่าทุกช่วงอายุจะเคยเล่นการพนันมากกว่าไม่เคยเล่น ซึ่งคนที่มีการศึกษาต่ำกว่า ปริญญาตรี หรือมีรายได้ต่ำกว่า 200,000 บาทต่อปี จะเคยเล่นการพนันมากถึง 37.1% ทั้งนี้งานสำรวจยังได้พบว่าคนส่วนใหญ่เล่นการโดยมีเหตุผลเพื่อการเสี่ยงโชคมากถึง 48.4% และเพื่อความตื่นเต้น 24.4% ทั้งนี้การสำรวจพฤติกรรมของประชาชนที่เล่นการพนันจะพบ 3 สาเหตุหลักๆคือชอบเป็นการส่วนตัว เพื่อความตื่นเต้นเพลินๆ และมีแหล่งที่เล่นอยู่ใกล้ๆ ดังนั้นงานวิจัยนี้จะทำให้เห็นว่า ไม่ว่าจะมีคาสิโนหรือไม่ ประชาชนก็ยังคงเล่นการพนันอยู่ดี

          นายกฤษฎากล่าวต่อไปว่า ในการสำรวจทัศนคติของประชาชนต่อการเปิดคาสิโนถูกกฎหมายในรูปแบบสถานบันเทิงครบวงจรนั้น จะพบว่ากลุ่มคนที่เห็นด้วยส่วนใหญ่ จะเป็นผู้ที่มีรายได้ต่ำว่า 200,000 บาทต่อปี และมีการศึกษาระดับปริญญาตรี หรือต่ำกว่า และผลกระทบที่ประชาชนคิดว่าจะเกิดขึ้นหลังเปิดคาสิโนในรูปแบบสถานบันเทิงครบวงจรคือ เกิดปัญหาอาชญากรรมเพิ่มขึ้น แต่จากการลงพื้นที่ของคณะทำงาน ในประเทศที่มีการเปิดคาสิโนถูกกฎหมาย จะพบว่าสถิติการเกิดอาชญากรรมไม่ได้เพิ่มขึ้นตามที่หลายคนเข้าใจ หากพูดตามตรงก็คืออัตราการก่ออาชญากรรมจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเขาไม่มีงานทำ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว หากมีการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร จะเกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นหลายอัตรา ทั้งนี้การลงพื้นที่ศึกษาแต่ละภูมิภาค ก็มีความเห็นไม่ค่อยตรงกัน ซึ่งบางภาคอีสาน และภาคเหนือ จะมีความคิดทางเห็นด้วย ส่วนภาคตะวันตกจะมีความคิดค่อนไปทางไม่เห็นด้วย

          “ผลสรุปพบว่าประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการตั้งคาสิโนถูกฎหมาย โดยยังมีข้อแนะนำอีกว่าว่ารัฐบาลควรกันรายได้บางส่วนจากคาสิโน ไปจัดตั้งกองทุนเพื่อประโยชน์ของสังคมให้มากพอ และควรมีกระบวนการตรวจสอบเรื่องของรายได้ รายจ่าย ที่ชัดเจน และประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนนี้ได้ง่าย ทั้งนี้รัฐบาลควรส่งเสริมให้ประชาชนเข้าใจว่ารีสอร์ทคาสิโนนั้นเป็นเพียงสถานบันเทิง เป็นสถานที่จัดประชุม ซึ่งมีสถานที่เล่นการพนันเพียง 25% ควรมีข้อกำหนดของคนที่จะเล่นการพนันเช่น  จำนวนเงินผู้เล่น อายุ เป็นต้น รวมถึงห้ามไม่ให้ข้าราชการ นักการเมือง เข้าเล่นการพนันเพื่อป้องการกันฟอกเงิน”อาจารย์คณะวิทยาการจัดการ กล่าว

          ในส่วนของการลงสำรวจในพื้นที่ชายแดนที่ติดกับคาสิโนถูกกฎหมายของประเทศเพื่อนบ้านนั้น  นายศรัณย์ ธิติลักษณ์ ผู้อำนวยการหลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาผู้นำทางสังคม ธุรกิจและการเมือง วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า การสำรวจพื้นที่ จ.เชียงราย แถวชายแดนเราได้สอบถามผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเปิดคาสิโนของประเทศเพื่อนบ้าน พบว่าในพื้นที่นั้น ไม่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจของจังหวัดมากนัก  เนื่องจากมีรายได้จากการทำเกษตรกรรมเป็นหลัก ในส่วนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวก็มีผลกระทบบ้าง คือมียอดจองที่พัก และมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่อาจระบุได้ว่ามาจากนักพนัน ส่วนผลกระทบทางสังคมพบว่า อาชญากรรมในพื้นที่ก็ไม่มี

          ด้านนายวิษณุ กล่าวถึงการสำรวจในพื้นที่ชายแดนจ. สระแก้วว่า ธุรกิจบ่อนที่ชายแดนประเทศกัมพูชาหรือในปอยเปต ได้สร้างงานให้คนกัมพูชา และคนไทยที่ข้ามไปทำงานยังฝั่งไทยด้วย ลดอาชญากรรมที่เกิดขึ้นจากคนกัมพูชาในฝั่งไทย ซึ่งเมื่อก่อนคนที่มาก่ออาชญากรรมในฝั่งไทยนั้นส่วนใหญ่จะเป็นคนกัมพูชา ซึ่งหลังจากเปิดบ่อนการพนันปัญหานี้ก็ลดลง แต่ผลกระทบด้านลบก็มีบ้างในช่วงการเปิดบ่อนช่วงแรกๆ เพราะชาวบ้านก็อยากจะลองไปเล่นดู ซึ่งเมื่อระยะผ่านไปปัญหาค่อยๆลดลง อีกทั้งคน จ.สระแก้ว ส่วนใหญ่ไม่ใช่คนมีฐานะด้วย

          ทั้งนี้นางดวงพร ยังได้กล่าวถึงงานวิจัยเรื่อง “การแข่งวัวชน” ว่าเป็นการพนันที่รัฐอนุญาตให้มีได้ และไม่มีการเพิ่มใบอนุญาต ซึ่งขณะนี้มีบ่อนวัวชนอยู่ 28 แห่งทั่วประเทศไทย โดยการจับเก็บภาษีของบ่อนจะเป็นในรูปแบบภาษีรายได้ และค่าธรรมเนียม ทั้งนี้วงเงินเดิมพันหมุนเวียนไม่ต่ำกว่าหลายสิบล้านบาท ซึ่งยังไม่นับรวมวงเงินที่นักพนันเล่นกันเองอีก ​โดยการเลี้ยงวัวชนยังก่อให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น เช่นรับจ้างเลี้ยงวัว เช่าคอกวัว ค้าขายอาหาร สร้างรายได้ให้ท้องถิ่นเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้การแข่งวัวชนนั้นไม่ได้แข่งจนตาย หากแต่ดูว่าถ้าตัวไหนถอย จะถูกตัดสินให้แพ้ ในส่วนผลกระทบนั้นบ่อนวัวชน จะกลายเป็นศูนย์รวมของสังคมท้องถิ่นที่สนใจดูพนันวัว ถ้าเป็นบ่อนขนาดใหญ่ และมีวัวคู่ที่มีชื่อเสียง จะมีผู้ชมถึงหลักหมื่นด้วย