ข่าว

  อธิบดีราชทัณฑ์ ยันข้อความบนเฟซบุ๊กของ"เพนกวิน" คนอื่นโพสต์

อธิบดีราชทัณฑ์ ยันข้อความบนเฟซบุ๊กของ"เพนกวิน" คนอื่นโพสต์

13 ก.พ. 2564

"ราชทัณฑ์ ชี้แจงข้อความโพสต์บนเฟซบุ๊กของ"พริษฐ์ ชิวารักษ์" หรือเพนกวิน เป็นการโพสต์โดยบุคคลอื่น โดย"เพนกวิน" เขียนขึ้นก่อนถูกนำตัวมาขังที่เรือนจำ ลั่นผู้ต้องขังห้ามใช้เครื่องมือสื่อสารทุกชนิด

13 ก.พ.64 นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ชี้แจง กรณีการโพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊กของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แกนนำคณะราษฎร ซึ่งถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร จนเกิดข้อสงสัยว่าเหตุใดจึงสามารถโพสต์ข้อความผ่านสื่อโซเชียลได้แม้กระทั่งถูกคุมขังอยู่ และเป็นการได้รับสิทธิพิเศษเหนือนักโทษคนอื่นหรือไม่นั้น

กรมราชทัณฑ์ ขอเรียนว่า ภาพกระดาษพร้อมลายมือของนายพริษฐ์ฯ ที่กำลังเป็นที่สนใจอยู่ในขณะนี้นั้น เป็นข้อความที่นายพริษฐ์ ได้เขียนขึ้น ณ ห้องเวรชี้สองสถานของศาลอาญา 
และส่งต่อให้แก่ทนายความของตนเอง ภายหลังจากที่ศาลอาญามีคำสั่งยกคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2564 เวลาประมาณ 17.55น. ก่อนที่จะถูกนำตัวกลับ
มาคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร 

ดังนั้นการที่ภาพดังกล่าวไปปรากฏอยู่บนเพจเฟซบุ๊กของนายพริษฐ์ เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา 00.05 น. เป็นการดำเนินการโดยผู้ดูแลหรือแอดมินแฟนเพจ ซึ่งมีได้หลาย
คน ไม่ใช่การโพสต์โดยตัวนายพริษฐ์ฯ เอง เนื่องจากโทรศัพท์หรือเครื่องมือสื่อสารอื่นๆ เป็นสิ่งของต้องห้าม ตามมาตรา 72 แห่งพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 จึงเป็นไปไม่
ได้ที่นายพริษฐ์ จะมีโทรศัพท์มือถืออยู่ในความครอบครอง ขณะถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ 

นายอายุตม์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอให้สังคมและประชาชนทุกฝ่ายเชื่อมั่นต่อการปฏิบัติงานของกรมราชทัณฑ์ในการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน และเป็นมาตรฐาน
ตามหลักสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะข้อกำหนดแมนเดลา (Mandela Rules) ซึ่งเป็นข้อกำหนดขั้นต่ำขององค์การสหประชาชาติในการปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง และพระราชบัญญัติ
ราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 รวมถึงกฎ ระเบียบ และวินัยต่างๆ ที่ข้าราชการกรมราชทัณฑ์ทุกคนพึงปฏิบัติและได้ยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด

ด้านว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า เรื่องนี้นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รับทราบแล้ว และสั่งการให้อธิบดีกรมราชทัณฑ์ตรวจสอบ เบื้องต้นได้รับรายงานว่า ข้อความที่เขียนด้วยลายมือนั้น นายพริษฐ์ เขียนไว้ตั้งแต่ตอนที่อยู่ในศาล และมีเพื่อนถ่ายรูปเอาไว้ โดยขณะนั้นมี ตำรวจ สน.พหลโยธิน 1 นาย เจ้าพนักงานตำรวจศาล 3 นาย นายพริษฐ์ และพวกรวม 4 คน ทีมทนาย 3 คนพอทราบว่าไม่ได้ประกันตัวจึงขอรับประทานอาหารพร้อมเขียนจดหมายที่บริเวณศาลและจึงส่งตัวให้เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯต่อไปแต่ใครเป็นผู้นำไปโพสต์ในเฟซบุ๊กคงต้องให้ทางตำรวจสืบสวน ซึ่งการเข้าเยี่ยมนายพริษฐ์นั้น มีเพียงทนายความส่วนตัวเท่านั้นที่เยี่ยมได้ และเป็นการเยี่ยมผ่านวีดีโอคอลทางไลน์ไม่ได้เจอหน้ากันเพราะนายพริษฐ์อยู่ในระหว่างการกักตัวเพื่อควบคุมโรคโควิด 14 วัน 

"นอกจากนี้จากการตรวจสอบอย่างละเอียดของเจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ไม่ปรากฎว่ามีการนำเครื่องมือสื่อสารหรือโทรศัพท์มือถือเข้าไปได้ เพราะในระหว่างการส่งตัวเข้าสู่
เรือนจำจะมีการตรวจค้นอย่างละเอียดรวมทั้งมีเครื่องเอ็กซ์เรย์กับทุกๆคน ดังนั้นไม่มีทางที่ผู้ต้องขังจะนำเครื่องมือสื่อสารเข้าไปได้ และมั่นใจว่านายพริษฐ์ ไม่สามารถโพสต์เฟซบุ๊ก
ได้อย่างแน่นอน น่าจะเป็นการโพสต์จากนอกเรือนจำ "

ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต กล่าวอีกว่า นายสมศักดิ์ ได้สั่งให้กรมราชทัณฑ์ ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว โดยในช่วงดึกวันที่ 12 ก.พ. ตนได้ไปแจ้งความและลงบันทึกประจำ
วันที่ สน.ร่มเกล้า เพื่อให้ตำรวจสืบหาผู้โพสต์เฟซบุ๊กดังกล่าว ในข้อหาทำให้เกิดความเสียหายต่อกรมราชทัณฑ์และรมว.ยุติธรรม นอกจากนี้ยังมีเฟซบุ๊กอื่นๆ ที่กล่าวหา รมว.ยุติธรรม 
และอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในเชิงรู้เห็น ปล่อยให้ปลุกระดมและเป็นพวกเดียวกันกับนายพริษฐ์ ตรงนี้เรากำลังรวบรวมหลักฐานเพื่อดำเนินคดีด้วย ตนขอยืนยันอีกครั้งว่าไม่เป็นความจริง 
เราปฏิบัติต่อผู้ต้องขังในเรือนจำเป็นมาตรฐานเดียวกันทุกคน ไม่มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย และในครั้งก่อนที่ นายสมศักดิ์ เข้าไปพบนายพริษฐ์ในเรือนจำ ตนก็ได้เข้าไปด้วย ซึ่งเป็น
เพียงการเข้าไปดูแลความเรียบร้อยและความปลอดภัยเท่านั้น เพราะขณะนั้นมีกระแสข่าวว่า นายพริษฐ์และเพื่อนถูกทำร้ายร่างกาย จึงต้องเข้าไปตรวจสอบ เพราะนักโทษทางการ
เมืองมีความละเอียดอ่อน จึงต้องตรวสอบและให้สังคมรับทราบข้อเท็จจริง ยืนยันว่าเรามีหน้าที่ดูแลผู้ต้องขังทุกคนอย่างเท่าเทียมตามหลักสิทธิมนุษยชน 

"ผมยืนยันว่าเราไม่ได้ปล่อยปะละเลย หรือให้ใครมาปลุกระดมจากภายเรือนจำ เรามีกฎการควบคุมที่เข้มงวด ไม่มีการให้อภิสิทธิ์ใครใช้เครื่องมือสื่อสารใดๆได้จากภายในเรือนจำ 
ดังนั้นเรื่องนี้เราต้องตรวจสอบว่าใครเป็นผู้ใช้เฟซบุ๊กของนายพริษฐ์ ไปโพสต์ข้อความดังกล่าว นอกจากนี้ ในส่วนของเฟคนิวส์ ที่มีการโพสต์ข้อความในการสร้างความเสียหายกับ
กระทรวงยุติธรรมขอให้หยุดการกระทำนั้น เราควรมาพูดคุยกันด้วยเหตุและผล หากพบว่าใครยังกระทำการพยายามสร้างความเสียหายให้กับกระทรวงและหน่วยงานต่างๆ เราจะฟ้อง
ร้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุดเพื่อเป็นเยี่ยงอย่าง ซึ่งผมขอยืนยันว่ากระทรวงยุติธรรม ไม่เคยใช้เครื่องมือทางกฎหมายไปกลั่นแกล้งใครหรือฝ่ายใดทั้งสิ้น เราดำเนินการตามหลัก
กฎหมายอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม"
ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต กล่าว