ข่าว

'สภาองค์กรของผู้บริโภค'เปิดใจยินดีให้ทุกฝ่ายตรวจสอบ เตือน"ศรีสุวรรณ"หยุดปั่นกระแสสังคมสร้างความไม่ไว้วางใจ

'สภาองค์กรของผู้บริโภค'เปิดใจยินดีให้ทุกฝ่ายตรวจสอบ เตือน"ศรีสุวรรณ"หยุดปั่นกระแสสังคมสร้างความไม่ไว้วางใจ

15 ก.ค. 2564

'สภาองค์กรของผู้บริโภค' ออกแถลงการณ์เปิดใจยินดีให้ทุกฝ่ายตรวจสอบ พร้อมเดินหน้าคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคทุกด้าน เตือน"ศรีสุวรรณ" หยุดปั่นกระแสสังคม สร้างความไม่ไว้วางใจต่อองค์กร


"สภาองค์กรของผู้บริโภค"ออกแถลงการณ์ใจความว่า ตามที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยได้ตรวจสอบองค์กรผู้บริโภคที่ร่วมมือกันจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค

 

โดยครั้งแรกที่อ้างว่าหากประเทศไทยมีองค์กรผู้บริโภคมากถึง 152 องค์กร ปัญหาผู้บริโภคน่าจะหมดไปแต่หากจะเทียบเคียงกับปัญหาอื่น ๆ หรือปัญหาทุจริตคอรัปชั่นที่นายศรีสุวรรณ ทำงานมานานก็ยังมีปัญหาไม่น้อย

 

ครั้งที่สองได้นำเครือข่ายสื่อมวลชนปกป้องผลประโยชน์ชาติร้องเรียนการรวมตัวขององค์กรคุ้มครองผู้บริโภค โดยครั้งนี้ได้เดินทางมายื่นคำร้องต่อ รมว.ยุติธรรมเพื่อขอให้หน่วยงานในสังกัด อาทิ กรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) ตรวจสอบองค์กรผู้บริโภค 152 องค์กรที่เข้าชื่อกันจัดตั้งเป็นสภาองค์กรของผู้บริโภคนั้น

 

 

ความพยายามในการตรวจสอบสภาองค์กรของผู้บริโภคทุกวิถีทางของนายศรีสุวรรณที่เป็นไปอย่างผิดสังเกต ทำให้สภาองค์กรของผู้บริโภคได้เริ่มตั้งคำถามต่อเจตนารมณ์ที่แท้จริงของนายศรีสุวรรณว่า นี่เป็นการตรวจสอบด้วยความบริสุทธิ์ใจ หรือมีเบื้องหลังที่จงใจยุยงปลุกปั่นกระแสสังคมให้เกิดความไม่ไว้วางใจต่อสภาองค์กรของผู้บริโภคในวงกว้าง

 

สภาองค์กรของผู้บริโภค เป็นองค์กรที่เกิดขึ้นตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 ที่ต้องการให้มีองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคและได้มีการผลักดันและรณรงค์เรื่อยมาจนถึงรัฐธรรมนูญ 60 จนเกิดพระราชบัญญัติจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ.2562

 

ส่วนการตรวจคุณสมบัติองค์กรของผู้บริโภคเป็นหน้าที่ของนายทะเบียนกลางโดยสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี มีขั้นตอนให้สามารถร้องคัดค้านองค์กรผู้บริโภคได้ตามมาตรา 8 ผู้ใดเห็นว่าองค์กรของผู้บริโภคที่ได้แจ้งไว้ตามมาตรา 6 มีลักษณะไม่ถูกต้องตามมาตรา 5 ให้มีสิทธิยื่นคำคัดค้านพร้อมทั้งหลักฐานต่อนายทะเบียนกลางเมื่อนายทะเบียนกลางได้รับคำคัดค้านตามวรรคหนึ่งให้ดำเนินการสอบข้อเท็จจริงแล้ววินิจฉัยโดยเร็ว

 

ในกรณีที่เห็นว่าองค์กรของผู้บริโภคนั้นมีลักษณะไม่ถูกต้องตามมาตรา 5 ให้เพิกถอนการรับแจ้ง พร้อมทั้งแจ้งให้ผู้ร้องและองค์กรของผู้บริโภคที่เกี่ยวข้องทราบคำวินิจฉัยของนายทะเบียนกลางให้เป็นที่สุด

 

นายศรีสุวรรณ เป็นนักกฎหมายควรต้องทราบขั้นตอนตามกฎหมายเหล่านี้ดีแต่กลับดำเนินการสร้างข่าวทำให้เกิดความสับสนจนทำให้ประชาชนทั่วไปอาจเข้าใจผิดว่าการได้มาของสภาฯไม่โปร่งใส ย่อมเป็นเหมือนการกลั่นแกล้งและสร้างความเสียหายให้กับสภาองค์กรของผู้บริโภคอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

ทั้งที่การตรวจสอบคุณสมบัติองค์กรของผู้บริโภคที่ผ่านจดแจ้งทั้งหมดใช้เวลามากกว่า1 ปีจนมีองค์กรผู้บริโภคจำนวน 151 องค์กรผ่านการจดแจ้งความเป็นองค์กรของผู้บริโภคเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2563 และร่วมมือจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภคเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2563 

 

และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีประกาศให้สามารถจัดตั้งได้สำเร็จเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2563 หากนับจากวันแรกที่ให้เริ่มจดแจ้งความเป็นองค์กรของผู้บริโภคนับเป็นเวลามากกว่า 18 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 22 กรกฎาคม 2562 ที่ผ่านมา

 

การตรวจสอบสภาองค์กรของผู้บริโภคในการปฏิบัติหน้าที่ของบุคคลหรือองค์กรใดเป็นเรื่องปกติที่สามารถดำเนินการได้โดยสภาองค์กรของผู้บริโภคยินดี แต่ไม่ใช่การดำเนินการให้เกิดความเสียหายเช่นนี้ หรือทำให้เสียเวลาในการทำหน้าที่ของสภาองค์กรของผู้บริโภค

 

โดยกฎหมายระบุให้สภาองค์กรของผู้บริโภคต้องจัดให้ประชาชนหรือผู้บริโภคทั่วไป สามารถตรวจสอบการดำเนินงานได้ในการรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง

 

และสภาองค์กรของผู้บริโภค ต้องจัดทำรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี เผยแพร่ให้ประชาชนทราบและเสนอต่อคณะรัฐมนตรี สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาเพื่อทราบ

 

นอกจากนี้ทุกสามปีสภาองค์กรของผู้บริโภคต้องจัดให้มีการประเมินผล การดำเนินงาน ด้านประสิทธิผลประสิทธิภาพ การพัฒนาสภาองค์กรของผู้บริโภคและการสนับสนุนจากประชาชน

 

ปัจจุบันสภาองค์กรของผู้บริโภคได้มีการดำเนินการจัดทำข้อเสนอนโยบายและมาตรการคุ้มครองผู้บริโภคต่อคณะรัฐมนตรีและหน่วยงานเกี่ยวข้องพร้อมรณรงค์เผยแพร่ใน 5 ประเด็นที่สำคัญ ได้แก่

 

1)ข้อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทยและกรุงเทพฯ ในการจัดบริการขนส่งมวลชน กรณีรถไฟฟ้าหลากสีให้ถือว่าบริการรถไฟฟ้าหลากสี เป็นบริการขนส่งมวลชนพื้นฐานสำคัญในกรุงเทพฯและปริมณฑลที่ทุกคนขึ้นได้ มีเป้าหมายระยะยาวในการกำหนดราคาไม่เกินร้อยละ 10 ของรายได้ขั้นต่ำของประชาชน

 

ส่วนกรณีรถไฟฟ้าสายสีเขียวขอให้คณะรัฐมนตรีไม่เห็นชอบในการต่อสัญญาสัมปทานสายสีเขียวล่วงหน้าพร้อมจัดประมูลการบริการเดินรถหลังปี พ.ศ.2572 โดยมีเงื่อนไขสำคัญในการให้บริการตามคุณภาพมาตรฐานสากลและให้เอกชนที่เสนอราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวไม่เกิน 25 บาทได้รับการสัมปทานเดินรถ

 

2) ข้อเสนอต่อกระทรวงมหาดไทย คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.)และกระทรวงพลังงาน ในการสร้างแรงจูงใจและลดอุปสรรคของประชาชนในการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์

 

3) ข้อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อขอให้ชะลอการแสดงความจำนงเข้าร่วมความตกลง CPTPP จนกว่าการศึกษาวิจัยเปรียบเทียบผลกระทบด้านบวกและด้านลบแล้วเสร็จ พร้อมเสนอให้ใช้มาตรการอื่นๆ ในการสนับสนุนให้เกิดการลงทุนที่เป็นมิตรกับผู้บริโภคในประเทศ

 

เช่น Regulatory Guillotine (RG) ทบทวนกฎหมายที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบันเพื่อลด ละ เลิกกฎหมายที่ไม่มีความจำเป็น ล้าสมัย ไม่สะดวก สร้างภาระต่อการปฏิบัติ โดยมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เท่าทันนวัตกรรมใหม่ ๆ และพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมของโลก

 

4) ข้อเสนอต่อคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนสิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ให้จัดทำข้อเสนอการแก้ไขปัญหาวิกฤติของผู้บริโภคที่ยากจนและเกษตรกรซึ่งเป็นปัญหาทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม

 

และ 5) ข้อเสนอต่อคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ให้ยุติการออกประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์การเรียกเก็บค่าบริการล่วงหน้าของบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงประจำที่

 

ทั้งนี้การคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิผู้บริโภคโดยมีการตรวจสอบ ติดตาม และเฝ้าระวัง รวมทั้งการศึกษาสถานการณ์ปัญหาที่มีผลกระทบต่อสิทธิของผู้บริโภคเพื่อเตือนภัยเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการที่กระทบต่อสิทธิผู้บริโภคเป็นภารกิจที่มีการดำเนินงานร่วมกับองค์กรและเครือข่ายผู้บริโภคในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง

 

ตลอดจนมีการเตรียมการเพื่อสนับสนุนการฟ้องคดีเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคร่วมกับหน่วยงานประจำจังหวัด อีกทั้งมีการเผยแพร่ เตือนภัย สื่อสารสาธารณะเพื่อทำให้ประชาชนตื่นตัวในการคุ้มครองสิทธิและเข้ามามีส่วนร่วมในการผลักดันข้อเสนอที่สำคัญผ่านในหลากหลายช่องทางด้วย
 

ข้อมูลพื้นฐานสภาองค์กรของผู้บริโภค

“พระราชบัญญัติการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ. 2562” กำหนดให้สภาเป็นนิติบุคคล มีวัตถุประสงค์เพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคในทุกด้านในฐานะเป็นผู้แทนผู้บริโภค คุ้มครองสิทธิอันพึงมีพึงได้ของผู้บริโภค และให้มีอำนาจดำเนินการอย่างน้อยในเรื่องดังต่อไปนี้

 

(1) ให้ความคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิของผู้บริโภครวมตลอดทั้งเสนอแนะนโยบายเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคต่อคณะรัฐมนตรีหรือหน่วยงานของรัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง

 

(2)สนับสนุนและดำเนินการ ตรวจสอบ ติดตาม เฝ้าระวังสถานการณ์ปัญหาสินค้าและบริการ แจ้งหรือโฆษณาข่าวสารหรือเตือนภัยเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการที่อาจกระทบต่อสิทธิของผู้บริโภคหรืออาจก่อให้เกิดความเสียหายหรือเกิดความเสื่อมเสียแก่ผู้บริโภคโดยจะระบุชื่อสินค้าหรือบริการหรือชื่อของผู้ประกอบธุรกิจด้วยก็ได้

 

(3) รายงานการกระทำหรือละเลยการกระทำอันมีผลกระทบต่อสิทธิของผู้บริโภคไปยังหน่วยงานของรัฐหรือหน่วยงานอื่นที่รับผิดชอบและเผยแพร่ให้ประชาชนทราบ

 

(4) สนับสนุนและช่วยเหลือองค์กรของผู้บริโภคในการรักษาประโยชน์ของผู้บริโภคให้มีประสิทธิภาพและได้รับความเชื่อถือตลอดจนส่งเสริมการรวมตัวขององค์กรของผู้บริโภคในระดับจังหวัดและเขตพื้นที่ทั้งนี้ตามที่กำหนดในข้อบังคับของสภาองค์กรของผู้บริโภค

 

(5) สนับสนุนการศึกษาและการวิจัยเพื่อประโยชน์ในการดำเนินงานคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิของผู้บริโภค

 

(6) สนับสนุนและช่วยเหลือสมาชิกในการไกล่เกลี่ยหรือประนีประนอมยอมความข้อพิพาทเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิของผู้บริโภคทั้งก่อนและในระหว่างดำเนินคดีต่อศาล

 

(7)ดำเนินคดีเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิของผู้บริโภคตามที่เห็นสมควร หรือเมื่อมีผู้ร้องขอหรือให้ความช่วยเหลือในการดำเนินคดีในกรณีที่ผู้บริโภคหรือองค์กรของผู้บริโภคถูกฟ้องคดีจากการใช้สิทธิในฐานะผู้บริโภคหรือใช้สิทธิแทนผู้บริโภค แล้วแต่กรณี และเพื่อประโยชน์แห่งการนี้ ให้มีอำนาจประนีประนอมยอมความด้วย

 

(8)จัดให้มีหรือรวบรวมและเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการอันจะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคในการตัดสินใจซื้อสินค้าหรือใช้บริการให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้โดยสะดวก

 

โครงสร้างคณะกรรมการ"สภาองค์กรของผู้บริโภค"

 

ประธาน

 

รองประธาน

 

กรรมการนโยบาย (ผู้เชี่ยวชาญ 8 ด้าน)

 

ด้านการเงินและการธนาคาร

 

ด้านการขนส่งและยานพาหนะ

 

ด้านอสังหาริมทรัพย์และที่อยู่อาศัย

 

ด้านอาหารยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพ

 

ด้านบริการสุขภาพ

 

ด้านสินค้าและบริการทั่วไป

 

ด้านการสื่อสารและโทรคมนาคม

 

ด้านบริการสาธารณะ

 

กรรมการนโยบาย (ตัวแทนจาก 10 พื้นที่)