ข่าว

ผ่าแผนเคลื่อน "ม็อบ 7 สิงหา"  ถึงเวลาได้ปลดแอกและแยกย้าย

ผ่าแผนเคลื่อน "ม็อบ 7 สิงหา" ถึงเวลาได้ปลดแอกและแยกย้าย

06 ส.ค. 2564

ท่าทีการเคลื่อนขบวนถึง"พระบรมมหาราชวัง" กลับไม่ปรากฎความชัดเจนอีกต่อไป เหลือแต่เพียง ความชัดเจนของหัวโจกที่พยายามป่าวประกาศผ่านสื่อโซเชียล

ความพยายามของกลุ่มมวลชนที่สถาปนาหลายชื่อไม่ว่า “ราษฎรปลดแอก” ประชาชนปลดแอก ม็อบสามกีบ  ให้มีหลากหลายชื่อ  ภายใต้การนำของ อานนท์  นำภา  พริษฎ์ ชิวารักษ์  หรือ”เพนกวิน”   และ ปนัสยา   สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ "รุ้ง" แกนนำกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า "ราษฎร" หรือ "ชาว 3 นิ้ว" ด้วยการโหมประโคมนัดเคลื่อนไหวในวันที่ 7 สิงหาคม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เร่งเร้าให้ผู้สนับสนุนกลุ่มตน เตรียมเดินทางไปยังพระบรมมหาราชวัง ดูเป็นเรื่องที่อาจเป็นแค่พลังฮึกเหิมทางโซเชียลแต่ขาดแนวร่วมที่จะเห็นตัวเป็นๆอย่างหนาแน่นบนท้องถนน   

เพราะทันทีที่แกนนำที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีหมิ่น 112  ประกาศเคลื่อนไปยัง”พระบรมมหาราชวัง”  ทำให้กลุ่มที่เคยออกมาเคลื่อนไหวโดยมีเป้าหมายขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทยอยออกมาโบกมือบ๊ายบายไม่ขอเข้าร่วมกับขบวนการ “ราษฎรปลดแอก”

ไม่ว่าจะเป็นกรณีของ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ  อดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)  นายวรชัย เหมะ  อดีตส.ส.สมุทปราการ พรรคเพื่อไทย  รวมไปถึงกลุ่มอาชีวะเพื่อประชาธิปไตย ที่ออกมาประกาศไม่ขอเข้าร่วม

นั่นเพราะ เป้าหมายการเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มมวลชนเหล่านี้ ห่างไกลต่อข้อเรียกร้อง ปฏิรูปสถาบัน   ทำให้กลุ่มมวลชนที่เกิดขึ้นตามพื้นที่ต่างๆ กับ กลุ่มราษฎรปลดแอกภายใต้การปลุกระดมของผู้ต้องหาคดี 112  ไม่ต่างกับ น้ำกับน้ำมัน ที่ไม่สามารถเข้ากันได้ในขณะนี้

ขณะเดียวกัน การประกาศอย่างชัดเจน ของหัวขบวน อย่าง อานนท์  นำภา  ด้วยการใช้วาจาไม่เหมาะสม ข่มขู่จะกระทำการสร้างความรุนแรงต่อพระบรมมหาราชวัง อันเป็นสถานที่เคารพสักการะของประชาชน  ยิ่งเป็นตัวผลักให้กลุ่มคนที่เคยอยู่ร่วมอุดมการณ์ประชาธิปไตย ภายใต้ปีกสิทธิเสรีภาพตามกรอบกติกาประชาธิปไตย ทยอยถอยออกไปเรื่อยๆ

หนำซ้ำ ถ้อยวาจาเชิงข่มขู่ ที่อานนท์เร่งเร้าผ่านการประชาสัมพันธ์ทางโซเชียล ได้นำมาซึ่งปฏิกิริยาย้อนกลับ โดยประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ที่ไม่เห็นด้วยต่อถ้อยคำข่มขู่สร้างความรุนแรง ถึงกับประกาศรวมตัว เป็นกลุ่มแนวร่วมปกป้องสถาบัน ในหลายๆพื้นที่

เมื่อย้อนกลับมาดูตัว”ผู้ปลุกปั่น”  แน่นอนได้รับการขายความคิดมาจาก นักเคลื่อนไหวที่ต้องโทษคดี112 โดยหลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ คอยบัญชาการผ่านมายัง กลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ 

แต่ขณะเดียวกัน ผู้ปลุกปั่นทั้งหลายแหล่ ก็ตกเป็นผู้ต้องหาคดี 112  โดยที่ศาลปล่อยตัวชั่วคราวก็อยู่ภายใต้เงื่อนไขห้ามเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยเฉพาะห้ามกระทำการจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง

 ฉะนั้นความพยายามของแกนนำเหล่านี้ หากกระทำผิดซ้ำแล้วซ้ำแล้วซ้ำเล่า คงหนีไม่พ้น การถูกดำเนินคดีด้วยโทษฐานที่หนักขึ้นอีกเป็นเท่าตัว  

คำถามว่า แกนนำเหล่านี้ ไม่รู้ตัวเลยหรือ  จริงหรือพร้อมที่จะกระทำการสร้างความรุนแรง

หรือมีแต่เพียงการปลุกระดมผ่านโซเชียลเพื่อหวังแนวร่วมสายฮาร์ดคอร์บางส่วนได้ก่อการปะทะกับเจ้าหน้าที่เท่านั้นเอง โดยหวังให้สื่อที่อิงแอบแนวคิดกลุ่มปลดแอกบันทึกภาพ และนำมาขยายผลให้เห็นพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่รัฐใช้ความรุนแรงกับประชาชน ตามด้วยองค์กรสิทธิมนุษยชนสากล รับลูกต่อ  ด้วยการนำไปป่าวประกาศออกไปทั่วโลกเพื่อโจมตีภาพลักษณ์ประเทศไทยภายใต้การบริหารของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำลายความน่าเชื่ออย่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ในส่วนกลุ่มแนวร่วม ม็อบราษฎรปลดแอก ที่ยังหลงเหลืออยู่  สิ่งที่ทำได้ในวันที่ 7 ส.ค. จึงปรับกระบวนการเคลื่อนไหวรอบใหม่ ตั้งแต่โซนใกล้พื้นที่กทม. ที่ไม่สามารถเข้ามาถึงใจกลางเมืองหลวงได้

เช่น กลุ่มสมุทรสงครามปลดแอก จัดกิจกรรม คาร์ม็อบ ที่บริเวณใต้สะพานเข้าตัวเมืองแม่กลองริมถนนพระราม2 (ฝั่งขาเข้า กทม.) เท่านั้น  จ.เพชรบุรี กลุ่มราษฎรเพชรบุรี จัดกิจกรรม "Car mob เพชรบุรีซ้อมใหญ่" เพื่อแสดงจุดยืนว่าเราไม่พอใจต่อการจัดการ การบริหารของรัฐบาลที่นำโดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา

หรือ ที่บริเวณ ถนนเลี่ยงเมือง จ.สระบุรี (เส้นทาง จ.นครราชสีมา-กรุงเทพฯ ขาเข้า) กลุ่มแดงก้าวหน้า 63 ภาคีแดงใหม่ 4 ภาค, กลุ่มราษฎรลพบุรี, กลุ่มราษฎรสระบุรี, กลุ่มราษฎรนครนายก และ DM แดงใหม่ภาคี 4 ภาค 20 จังหวัดอีสาน นำโดย นายพิธาน ทรงกัมพล หรือ "แป๊ะ บางสนาน" และนายรังษี เสรีชัยใจมุ่ง หรือ "รังษี เสรีชัย" จัดกิจกรรม "Car Mob บุกกรุง" ขับไล่ประยุทธ์ แล้วจากไป  หรือที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดฉะเชิงเทรา กลุ่มฉะเชิงเทราไม่เอาเผด็จการ จัดกิจกรรม “Car Mob แปดริ้วแบบเบิ้มๆ” เพื่อขับไล่รัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาล  ขยับไปที่จันทบุรี  ที่สนามสามเหลี่ยมทุ่งนาเชย จ.จันทบุรี จันรีไม่ทนคนจัญไร จัดกิจกรรม "Car Mob

ในส่วนของภาคอีสาน ตั้งแต่นครราชสีมา ที่ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา กลุ่ม Korat no เผด็จการ จัดกิจกรรม “Car mob korat"ครั้งที่ 3  สำหรับ จ. อุบลราชธานี  ที่ช่องเม็ก อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี คณะอุบลปลดแอก ร่วมกับ กลุ่มคบเพลิง มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี จัดกิจกรรม "CAR MOB UBON" ครั้งที่ 3  กินข้าวป่า หาเก็บเห็ด ตามประสา  เช่นเดียวกับนครพนม   ที่ บริเวณลานตะวันเบิกฟ้าริมฝั่งแม่น้ำโขง เขตเทศบาลเมืองนครพนม  กลุ่มนครพนมสิบ่ทน นำโดย นายประกอบ วงศ์พันธ์ และนายเอกพงษ์  กิติศรีวรพันธ์ จัดกิจกรรม “Car Mob นครพนม” เพื่อร่วมบริจาคเงินสมทบให้โรงพยาบาลนครพนม ซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์สู่ศึกโควิด พร้อมทั้งขับไล่ พล.อ. ประยุทธ์  จันทร์โอชา นรม. ที่บริหารงานผิดพลาดในการจัดการวัคซีนและการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด 19  ขณะที่บุรีรัมย์  ที่บริเวณหน้าโรงเรียนนาโพธิ์พิทยาคม ต.ศรีสว่าง อ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ กลุ่มบุรีรัมย์ปลดแอก จัดกิจกรรม "CAR MOB BURIRAM"

ที่บริเวณด้านข้างศาลากลางจังหวัดศรีสะเกษ ต.เมืองเหนือ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ กลุ่มศรีสะเกษจะไม่ทน ร่วมกับ กลุ่มแนวร่วมศรีสะเกษเพื่อประชาธิปไตย นำโดย นายพรสิทธิ์ รักษาทรัพย์ และนายพันศักดิ์ มีแก้ว จัดกิจกรรม "Car Mob ศรีสะเกษ" เพื่อขับไล่รัฐบาล ในการบริหารประเทศที่ผิดพลาด ทำให้มีผู้ติดเชื้อโรคโควิด 19 เสียชีวิตจำนวนมาก

ที่บริเวณศาลาอเนกประสงค์ริมฝั่งแม่น้ำโขง ถนนข้าวเม่า ต.บึงกาฬ อ.เมือง จ.บึงกาฬ คณะก้าวหน้า บึงกาฬ จัดกิจกรรม "Car Mob  Buenkan" เปิดไฟบีบแตร เพื่อไล่เผด็จการ  สอดคล้องกับที่สกลนคร  ที่สนามมิ่งเมือง หน้า รร.สกลราชวิทยานุกูล ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร กลุ่มแดนดินถิ่นขบถ จัดกิจกรรม "Car mob สกลนคร" ครั้งที่ 4


 

 


 

โซนภาคเหนือ ตั้งแต่พิษณุโลก  ที่ถนนเลนคู่ฝั่งตรงข้าม ม.นเรศวร จ.พิษณุโลก คณะราษฎรภาคเหนือตอนล่าง ร่วมกับ นปช.พิษณุโลก และ กลุ่ม NU Movement ม.นเรศวร จัดกิจกรรม "Car Mob ถอนหงอกเผด็จการ" เรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี   หรือ กรณีจ.น่าน ที่บริเวณถนนโครงการจัดรูปที่ดิน ข่วงฮังต่อ จ.น่าน เครือข่ายนักเรียนนักศึกษา - น่าน (Students Network Nan) จัดกิจกรรม "CAR MOB NAN" ป๊ะกั๋น กระทืบลุง

จ.ลำปาง ที่ลานพระบรมรูปรัชกาลที่ 5 (ศาลากลางจังหวัดลำปางหลังเก่า)  กลุ่มพิราบขาวเพื่อมวลชน จัดกิจกรรม“ส่งจดหมายถึงประยุทธ์” ทางไปรษณีย์ “แค่เพียงประชาชนเขียน ก็อาจจะทำให้คนคลั่งอำนาจมีสติได้” โดยเนื้อหาของจดหมายที่เขียนจะเป็นการแสดงความรู้สึก, แสดงความยากลำบาก, แสดงการตักเตือน หรือตามที่ประชาชนปรารถนาจะบอกกล่าวแก่นายกรัฐมนตรี

เช่นเดียวกับที่ เชียงใหม่   ที่หน้าวัดศรีดงเย็น ไชยปราการ  กลุ่ม chiagmai new gen จัดกิจกรรม "Car Mob Chiagmai"ขณะที่จ.เชียงราย   ที่บริเวณห้าแยกพ่อขุนเมงราย-แยกบายพาสเชียงดาว  กลุ่ม chiangrai No เผด็จการ นำโดย นายสราวุธ กุลมธุรพจน์  (เซียนแว่น) จัดกิจกรรม "Car Mob Chiangrai"

ในส่วนของภาคใต้  ไม่ว่าเป็น จ.นครศรีธรรมราช  ที่หน้าค่ายวชิราวุธ  กลุ่มคนคอนจะไม่ทน จัดกิจกรรม "CAR MOB นครศรีธรรมราช" ครั้งที่ 2 หมดเวลา ประยุทธ์  หรือ จ.กระบี่  ที่สวนธารา  กลุ่มกระบี่ไม่ทน จัดกิจกรรม "Car Mob กระบี่" เหยียบยิกยุทธ์  ในส่วนจังหวัดยะลา  ที่พลุบาโกย (สวนขวัญเมือง) เทศบาลเมืองยะลา จ.ยะลา กลุ่มยะลาปลดแอก-Yala free youth จัดกิจกรรม "Car Mob Yala" แว๊นไล่ประยุทธ์ต่อมัยจ๊ะชาวยะลา   หรือ นราธิวาส  บริเวณวงเวียนนกสันติภาพ อ.เมือง จ.นราธิวาส กลุ่มนราธิวาสปลดแอก-Narathiwat free youth จัดกิจกรรม "Car Mob Nara" พร้อมออกมาไล่ประยุทธ์

ที่ลานวัฒนธรรมปัตตานี ข้างโรงเรียนเบญจมราชูทิศ จ.ปัตตานี กลุ่มปัตตานีปลดแอก-Pattani free youth จัดกิจกรรม "CAR MOB TANI"

เมื่อเป็นดังนี้ ภาพที่ปรากฎในวันที่ 7 สิงหาคม จึงเป็นเพียง การปลุกระดมของหัวโจกที่มักโหมประโคมผ่านสื่อโซเซียล โดยการตั้งชื่อเพจกลุ่มต่างๆ เพื่อหวังให้ทุกคนที่เข้ามาติดตามว่า เป็นแนวร่วมจำนวนมาก พร้อมนัดหมายมารวมตัวที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เช่น  กลุ่มเยาวชนปลดแอก - Free YOUTH, กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย Democracy Restoration Group - DRG, คณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน (ครช.), ขบวนการริมสระ, เครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย, ทะลุฟ้า, ศาลายาเพื่อประชาธิปไตย, สหภาพคนทำงาน, SUPPORTER THAILAND ร่วมกับ เครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน, We Volunteer, DemHope, PROTECTFREEDOM, การ์ดมวลชน The public guardain welfare และ Guard ปลดแอก V.2  โดยพยายามสื่อความหมายจัดกิจกรรม "เคาะรั้วเจ้าของหมา" โดยมีข้อเรียกร้องดังนี้ 1. จัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับประชาชนอย่างทั่วถึง, 2. พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องลาออกจากตำแหน่ง และ 3. ปรับลดงบประมาณสถาบันพระมหากษัตริย์  อย่างชัดแจ้ง

แต่กลับท่าทีการเคลื่อนขบวนไปยังพระบรมมหาราชวัง กลับไม่ปรากฎความชัดเจนอีกต่อไป  

เหลือแต่เพียง ความชัดเจนของหัวโจกที่พยายามป่าวประกาศผ่านสื่อโซเชียล โดยหวังรอผลงานให้เกิดภาพจากกลุ่มฮาร์ดคอร์บางคนที่จะปะทะกับเจ้าหน้าที่ที่ควบคุมพื้นที่ก่อนถึงพระบรมมหาราชวังเท่านั้นเอง

ส่วนผู้ปลุกปั่นหรือหัวโจกไม่กี่คนที่เคยหิวแสงทางการเมืองมาตลอด  ย่อมเป็นที่รู้กัน พวกเขาต่างมีคดีติดตัวได้ประเมินแล้วว่า แนวร่วมสายพิราบถอยออกไปเป็นส่วนใหญ่ 

จึงไม่ง่ายที่จะออกมายื่นศีรษะแลกกับกระบองให้เจ็บตัว