"แกนนำ"หายไปไหน บทสรุปแห่งความเสียหายย่อยยับ
การรวมตัวเคลื่อนไหว ไม่ปรากฎภาพ อานนท์ นำภา ที่เคยขึ้นเวทีปราศรัยปลุกเร้าให้สมาชิกมาร่วม"ม็อบ 7 สิงหา" บุกพระบรมมหาราชวัง
การปลุกเร้าชุมนุมของ อานนท์ นำภา ภายใต้หัวขบวนหลากหลายชื่อ กลุ่มราษฎรปลดแอก กลุ่มสามนิ้ว กลุ่มสามกีบ กลุ่มเยาวชนปลดแอก หรืออะไรต่อมิอะไรก็ตามแต่ที่ปรากฎอยู่บนหน้าสื่อโซเชียล
โดยเฉพาะกับการประกาศผ่านทางสื่อโซเชียล ต้องการให้ผู้ชุมนุมเคลื่อนพลไปยังพระบรมมหาราชวัง ไม่ประสบความสำเร็จ โดยไม่สามารถผ่านแนวสกัดของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตามจุดต่างๆ
จึงต้องยุติลงเมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. โดยมีการขึ้นป้ายประชาสัมพันธ์ผ่านโลกโซเชียลทุกช่องทางให้ยุติการชุมนุมและรอการนัดหมายใหม่
อย่างไรก็ตาม การรวมตัวเคลื่อนไหว นับตั้งแต่ช่วงบ่ายสี่โมงเย็นเป็นต้นมา ไม่ปรากฎภาพ อานนท์ นำภา ที่เคยขึ้นเวทีปราศรัยหน้าหอศิลป์ กทม. ปลุกเร้าให้สมาชิกมาร่วมม็อบ 7 สิงหา เช่นเดียวกับ แกนนำคนสำคัญรายอื่นๆ ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา
อย่าลืมว่า แกนนำเหล่านี้ ล้วนตกเป็นผู้ต้องหาในคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง โดยศาลเมตตาให้ปล่อยตัวชั่วคราวภายใต้เงื่อนไขห้ามเคลื่อนไหวชุมนุมทางการเมือง โดยเฉพาะการก้าวล่วงดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง
ทว่า กลับปรากฎการโพสต์ข้อความ ของ พริษฎ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน ระหว่างเหตุการณ์ชุมนุม ด้วยการโพสต์ทวิต เปิดเผยเบอร์โทรศัพท์ ผบ.ตร.ให้กับสมาชิกของพวกเขาได้รับทราบ
หรือแม้แต่ บรรดาแกนนำคณะก้าวหน้า ไม่ว่าเป็น ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ช่อ พรรณิการ์ วาณิช ปิยบุตร แสงกนกกุล ซึ่งทราบกันดีสนับสนุนแนวทางของกลุ่มผู้ชุมนุมซึ่งอ้างเสมอเป็นสิทธิเสรีภาพตามระบอบประชาธิปไตย ก็ไม่ปรากฎตัว มีเพียงการทวิตข้อความรัวๆ ด้วยการยืนยันม็อบมาชุมนุมอย่างสันติ ถึงกับออกแถลงการณ์ กลุ่มผู้ชุมนุมมีการตระเตรียมอุปกรณ์เคลื่อนไหวด้วยความคิดสร้างสรรค์
แน่นอน การเคลื่อนไหวของผู้ชุมนุมครั้งนี้ จึงไม่มีแกนนำ ทำให้เกิดภาพอย่างที่ปรากฎ ทั้งการทุบทำลายป้อมตำรวจ ทั้งการรื้อกล้องวงจรปิด
โดยเฉพาะพื้นที่สี่แยกดินแดง ที่มีการปะทะกับเจ้าหน้าที่กระทั่งเกิดเหตุวางเพลิงรถควบคุมผู้ต้องหา
นี่คือบทสรุปของกิจกรรมทางการเมืองที่นำมาซึ่งความวุ่นวายโกลาหล สร้างความเสียหาย สร้างความคุ้นชินสายตาประชาชนทุกวันหยุดสุดสัปดาห์
ท่ามกลางคำถาม เมื่อไหร่บ้านเมืองจะกลับคืนสู่ความสงบเรียบร้อย