ข่าว

"ทิพานัน" ยก "บิ๊กตู่" กู้ชาติ จากพวก "ขายชาติ" กฎต่างด้าวครองที่ดินใครได้?

"ทิพานัน" ยก "บิ๊กตู่" กู้ชาติ จากพวก "ขายชาติ" กฎต่างด้าวครองที่ดินใครได้?

30 ต.ค. 2565

"ทิพานัน" ตอกกลับ "เพื่อไทย" ออกกฎหมาย "ต่างด้าวถือครองที่ดิน" แต่ไม่เคยให้ความสำคัญ จน "รัฐบาลประยุทธ์" นำกลับมาพิจารณาเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ยกย่อง "นายกกู้ชาติ" จาก "นายกขายชาติ"

จากที่ "พรรคเพื่อไทย" ออกแถลงการณ์ ไม่เห็นด้วยร่างกฎกระทรวงที่รัฐบาลจะออกตามประมวลกฎหมายที่ดิน เพื่อให้คนต่างด้าวถือครองที่ดินในประเทศไทยได้ เนื่องจากอนาคตราคาที่ดินอาจจะสูงขึ้น จากกลไกของการตลาด ส่งผลกระทบต่อประชาชนคนไทย

 

เมื่อวันที่ 30 ต.ค. น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พรรคเพื่อไทยยก "เนื้อหาของกฎกระทรวงปี 2545 ในเรื่องเดียวกันนั้น มีเนื้อหาที่เข้มงวดและกำหนดเงื่อนไขที่คนต่างด้าวซื้อที่ดินได้ยากกว่า" นั้น ยืนยัน ไม่เป็นความจริง เพราะกฎกระทรวงปี 2545 อนุญาตให้ "คนต่างด้าวทุกคน" ที่มีเงิน 40 ล้านบาทก็ซื้อที่ดินได้แล้ว  

 

ขณะที่ร่างกฎกระทรวงปี 2565 ใหม่นี้ อนุญาตให้เฉพาะ "คนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูง 4 ประเภทที่ได้รับวีซ่าพำนักระยะยาว หรือ LTR Visa" เท่านั้น รัฐบาลยังถามความเห็นไปหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย ยังได้ยืนยันวิเคราะห์ว่า หลักการในร่างกฎกระทรวงปี 2565 ไม่ส่งผลต่อเสถียรภาพระบบเศรษฐกิจการเงิน ทั้งด้านการกระตุ้นให้เกิดการเก็งกำไรในตลาดอสังหาริมทรัพย์และไม่เพิ่มแรงกดดันให้ราคาอสังหาริมทรัพย์โดยภาพรวมปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ที่ดินที่อนุญาตให้ซื้อเป็นที่ดินมีพื้นที่กำหนดชัดเจน 

ศักยภาพ 4 ประเภท

การให้สิทธิคนต่างด้าวถือครองที่ดิน 1 ไร่นั้น มีเงื่อนไขที่สำคัญคือ  ต้องเป็นคนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูง 4 ประเภทที่ได้รับวีซ่าพำนักระยะยาว หรือ LTR Visa เท่านั้น คือ

1. กลุ่มประชากรโลกผู้มีความมั่งคั่งสูง คือ มีทรัพย์สินอย่างน้อย 1 ล้านเหรียญสหรัฐ, มีรายได้ส่วนบุคคลขั้นต่ำ 80,000 เหรียญสหรัฐต่อปีในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และมีการลงทุนในไทยอย่างน้อย 500,000 เหรียญสหรัฐ

2. กลุ่มผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ คือ มีอายุ 50 ปีขึ้นไปที่รับเงินบำนาญและมีรายได้ส่วนบุคคลไม่น้อยกว่า 80,000 เหรียญสหรัฐต่อปี หรือมีรายได้ส่วนบุคคลไม่น้อยกว่า 40,000 เหรียญสหรัฐต่อปีและมีการลงทุนในไทยอย่างน้อย 250,000 เหรียญสหรัฐ

3. กลุ่มที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย คือ มีรายได้ส่วนบุคคลไม่น้อยกว่า 80,000 เหรียญสหรัฐต่อปีในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา หรือมีรายได้ส่วนบุคคลไม่น้อยกว่า 40,000 เหรียญสหรัฐต่อปีและจบการศึกษาระดับปริญญาโทขึ้นไป หรือครอบครองทรัพย์สินทางปัญญา หรือได้รับเงินทุน Series Aในธุรกิจไม่น้อยกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐ, ทำงานในบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หรือบริษัทที่มีรายได้ไม่น้อยกว่า 150 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายใน 3 ปีที่ผ่านมา และมีประสบการณ์ทำงานไม่น้อยกว่า 5 ปี

4. กลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ คือ มีรายได้ส่วนบุคคลไม่น้อยกว่า 80,000 เหรียญสหรัฐต่อปีในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา, มีสัญญาจ้างทำงานมีทักษะเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมเป้าหมาย และมีประสบการณ์ทำงานไม่น้อยกว่า 5 ปี

ทั้งนี้กลุ่มต่างด้าวทั้ง 4 กลุ่มต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง และมีกรมธรรม์ประกันสุขภาพคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลในประเทศ ไทยไม่น้อยกว่า 50,000 เหรียญสหรัฐ
 

ประเทศไทยได้ประโยชน์

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ดังนั้นจากหลักเกณฑ์เข้มงวด ที่ต้องเป็น LTR Visa ก่อนมีที่ดิน จึงมีการลดเงื่อนไขระยะเวลาการลงทุนลงจาก 5 ปีเหลือ 3 ปี เพื่อจูงใจบุคคลที่มีศักยภาพสูง 4 ประเภทนี้มาลงทุน จึงไม่ได้ลดเพื่อให้คนต่างด้าวซื้อที่ดินได้ง่ายขึ้น แต่กลับคัดกรองคนคุณภาพเข้าสู่ประเทศไทย พร้อมกับเงินลงทุน  40 ล้านบาท และหากผิดเงื่อนไขในรายละเอียดที่กำหนดจะต้องมีการขายคืนที่ดิน ทั้งนี้กลุ่มบุคคลนี้จะนำเม็ดเงินเข้าประเทศและเกิดการใช้จ่ายภายในประเทศที่มากขึ้นและเพิ่มการกระจายรายได้เป็นผลดีต่อผู้ประกอบการธุรกิจที่เกี่ยวข้อง สร้างรายได้ต่อเนื่องให้คนไทยในทุกกิจกรรมที่กลุ่มนี้พำนักอยู่ มีศักยภาพถ่ายทอดองค์ความรู้ให้คนไทย จะส่งผลให้เกิดการลงทุนมากขึ้นและเกิดประโยชน์ต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ และในต่างชาติก็มีการจูงใจเข้าลงทุนแบบนี้เช่นกัน  แต่ละที่ก็แตกต่างกันไป หลายประเทศถึงขั้นสามารถขอถือสิทธิ์การพำนักอาศัยถาวร จนเป็นสิทธิพลเมืองนั้นได้


สรุปใคร "นายกขายชาติ"

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า สิ่งที่สังคมสงสัยคือ กฎกระทรวง2545 นี้ก็มีมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลเพื่อไทยออก เพราะผลกระทบจากวิกฤตต้มยำกุ้งและการชำระหนี้ไอเอ็มเอฟนั้น เหตุการณ์ผ่านไปแล้ว แต่กลับไม่เคยให้ความสำคัญปรับปรุงแก้ไขกฎกระทรวงฯ เรื่องถือครองที่ดินในช่วงระหว่างปี 2545-2560 เลย มัวแต่ให้ความสำคัญแต่กับการแก้ไข พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับสุดซอย ในทางตรงกันข้ามกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา ได้พิจารณาและปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบให้ทันสมัยและกระตุ้นเศรษฐกิจและประโยชน์ของประเทศ ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 77 ที่บัญญัติให้ รัฐยกเลิกหรือปรับปรุงกฎหมายที่หมดความจําเป็นหรือไม่สอดคล้องกับสภาพการณ์ หรือที่เป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีวิตหรือการประกอบอาชีพโดยไม่ชักช้าเพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ประชาชน

ขอให้ประชาชนทุกคนเชื่อมั่นได้ เพราะรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติเสมอมา ไม่เคยมีนโยบาย "ขายชาติ" ไม่เคยมีการเอื้อประโยชน์ให้ต่างชาติเพื่อผลประโยชน์ใดๆ รัฐบาลนี้มีแต่ทำประโยชน์ให้คนไทย พัฒนาหารายได้และฟื้นฟูเศรษฐกิจในภาวะวิกฤต พร้อมมุ่งจัดสรรที่ดินและคืนสิทธิที่ดินทำกินให้กับพี่น้องเกษตรกร และยังเดินหน้าสร้างโครงการที่อยู่อาศัยให้กับพี่น้องประชาชนทุกกลุ่มอย่างเสมอภาคโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง   

"อยากให้พรรคเพื่อไทยทำความเข้าใจเสียใหม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ คือ นายกฯที่กอบกู้ชาติ มาจาก นายกขายชาติ  อันมีพฤติการณ์เช่น ฮั้วต่างชาติโกงโครงการรับจำนำข้าวจนชาวนาไทยเสียชีวิตและทรัพย์สิน โกงบ้านเอื้ออาทรจนประชาชนไม่มีที่อยู่ อนุมัติเอ็กซิมแบงก์ปล่อยกู้เมียนมาโดยมีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าต้นทุน  ตรงนี้ต่างหากคือนิยามของ นายกขายชาติ " น.ส.ทิพานัน กล่าว

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

ติดตาม คมชัดลึก ได้ที่ 
YouTube: https://www.youtube.com/channel/UCnniqWGq9lOqYd5sGWxVi7w