"หมอทศพร" เผย "สลายชุมนุม" พบสาหัส 3 ราย "พายุ ดาวดิน" หนักสุด
"หมอทศพร" เผย เหตุสลายชุมนุม 18 พ.ย. พบบาดเจ็บสาหัส 3 ราย "พายุ ดาวดิน" หนักสุด ดวงตาไม่มีโอกาสกลับมาเหมือนเดิม สุดเศร้า 2-3 ปีนี้ มีคนเสียการมองเห็นแล้ว 3 ราย
จากเหตุการณ์สลายชุมนุมเมื่อวันที่ 18 พ.ย. 65 ของกลุ่ม ราษฎรหยุด APEC 2022 มีผู้บาดเจ็บหลายรายและหลายฝ่าย ทั้งผู้ชุมนุม สื่อมวลชน และตำรวจ เนื่องจากจะเดินขบวนจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มุ่งหน้าไปยังศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สถานที่จัดงานประชุมผู้นำ APEC
นพ.ทศพร เสรีรักษ์ อดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า มีขณะนี้เบื้องต้นพบ มีผู้บาดเจ็บ 3 ราย ที่อาการสาหัส คือ
รายแรก พายุ ดาวดิน อาการหนักที่สุด ตาแตก อาการหนักสุด ตาข้างข้างขวา กล้ามเนื้อตาฉีกขาด หัวตาฉีกขาด อวัยวะในลูกตาออกมาข้างนอกหมด ซึ่งไม่มีโอกาสกลับมาเหมือนเดิม สันนิษฐานว่า เกิดจากของแข็งกระแทกเข้าอย่างจัง อาจจะกระสุนยางหรืออะไรก็ได้ ซึ่งบริเวณใกล้เคียงที่พายุได้รับบาดเจ็บ มีคนเก็บปลอกกระสุนยางได้หลายปลอก ตอนนี้พายุรู้สึกตัวปกติ
รายที่ 2 กระดูกเบ้าตาแตก ต้องดูอาการต่อไปว่ามีอะไรแทรกซ้อนหรือไม่ ซึ่งโดนของแข็งกระแทกเข้าใส่ รวมถึงมีแผลที่หน้าผาก ฟันแตก ในปากมีแผลต้องเย็บ ผู้บาดเจ็บบอกโดนกระบองตี ซึ่งเป็นไปได้ เพราะมีรอยเชื่อมต่อเป็นแนวเฉียงเดียวกัน
รายที่ 3 แผลแตกเหนือคิ้ว เย็บ 10 เข็ม แต่ยังไม่ทราบว่า สมองหรือกระโหลกด้านในได้รับกระทบหรือไม่
นพ.ทศพร ระบุว่า ผู้บาดเจ็บทั้ง 3 คน แนวโน้มมาจากของแข็งกระแทก แต่ไม่สามารถฟันธงได้ว่าเป็นกระสุนยางหรือกระบองหรืออะไร ส่วนผู้บาดเจ็บคนอื่น พบรอยพกช้ำตามเนื้อตัวและหน้า บางคนมีรอยเท้าอยู่ที่หลัง เห็นเป็นยี่ห้อรองเท้าคอมแบท คล้ายโดนกระทืบ และเท่าที่ตนเห็นยังพบมีโดนกระสุนยาง ที่แขน 1 ราย ท้อง 2 ราย หลัง 2 ราย แต่คิดว่ามีมากกว่านี้ ตัวเลขผู้บาดเจ็บไม่ทราบชัดเจน เนื่องจาก เหตุเกิดกระจัดกระจาย ส่วนสื่อมวลชนที่ได้รับ 2 ราย ตนเห็นเฉพาะ สื่อของReuters เยื่อบุตาฉีก เลือดไหลออกมา แต่ยังโชคดีที่ไม่กระทบลูกกระตา ส่วนสื่อจาก The Matter นั้น ตนไม่เจอ
ส่วนที่โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อ้างว่า ทำตามยุทธวิธี ตนมองว่า ไม่น่าใช่ เป็นอะไรที่แย่มาก ยุทธวิธี ต้องสงบ ไม่ใช่แบบนี้ วิถีกระสุนขนานกับพื้นโลก ปืนประทับบ่า ไม่ได้ยิงลงพื้นที่ ซึ่งจังหวะตำรวจสลายชุมนุม มวลชนส่วนใหญ่ นั่งกินข้าว แต่อาจจะมีแนวหน้า ที่ยืนประชันหน้ากับตำรวจ แต่ห่างกันแค่ 20-30 เมตร ยืนยันขณะนั้นไม่ใช่การกดดันที่ค่อยๆเข้ามา หากเอาโล่ดันมาเรื่อยๆ ประชาชนทำอะไรไม่ได้ ก็ถอยล่นไปอยู่แล้ว
ทั้งนี้เหตุการณ์บานปลาย จะเป็นมือที่ 3 หรือไม่ ไม่ทราบ จะมีคนแฝงตัวแทรกซึมเข้ามาสร้างสถานการณ์ยั่วยุให้เกิดความรุนแรงก็เป็นได้ จึงไม่อยากโทษชัดเจน 100 % ว่าเกิดจากตำรวจ ขอให้ตรวจสอบกันเอาเอง ตนเข้าไปในฐานะแพทย์ ดูแลคนที่เจ็บ ไม่ว่าฝ่ายไหน ตนก็ช่วย เพราะไม่ชอบความรุนแรง 2-3 ปีที่ผ่านมา การชุมนุมมีการปะทะกันเกือบทุกครั้ง มีคนเสียตาไปแล้ว 2-3 คน
นพ.ทศพร ยังกล่าวด้วยว่า การที่จะเคลื่อนขบวน แค่จะไปยื่นเรื่องแสดงจุดยืน หากตนเป็น "นายกรัฐมนตรี" จะเปิดทางและอำนวยความสะดวก จัดพื้นที่ให้ และออกมารับหนังสือ หากยังไม่กล้าหาญพอ ส่งตัวแทน รองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ก็ได้ จะเท่ห์มากกว่า เมื่อผู้ชุมนุมได้ยื่นหนังสือแล้ว ก็แยกย้าย แปลกใจที่มีการทำให้เกิดเรื่องขึ้น โดยไม่จำเป็น และยืนยันออกมาการจัดชุมนุมช่วงประชุมเอเปคนั้น ไม่ได้ต้องการทำลายรัฐบาล หรือ สร้างความเสื่อมเสียให้ประเทศ เพราะการประชุมนานาชาติในต่างประเทศ ก็มีชุมนุม เพื่อเปิดโอกาสแสดงออกไปสู่เวทีโลกอย่างสงบ