ข่าว

ก้าวไกลหนุน ปรับ'ค่าแรงขั้นต่ำ' อัตโนมัติทุกปี

ก้าวไกลหนุน ปรับ'ค่าแรงขั้นต่ำ' อัตโนมัติทุกปี

09 ธ.ค. 2565

ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำแบบพรรค 'ก้าวไกล' อัตโนมัติทุกปี นำ4ปัจจัยมาคำนวณ ทั้งเศรษฐกิจ จีดีพี เงินเฟ้อ และ ค่าครองชีพ

 

ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน และเงินเดือนขั้นต่ำปริญญาตรี 25,000 บาทขึ้นไป ว่าเป็นไปในแนวทางเดียวกันกับพรรคก้าวไกล ที่สนับสนุนการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ เพียงแต่วิธีการที่ใช้แตกต่างกัน คือให้แก้ที่ระบบการกำหนดค่าแรงขั้นต่ำ เนื่องจากปัจจุบันไม่มีฐานให้พูดคุยกันในคณะกรรมการค่าจ้าง (บอร์ดค่าจ้าง) เพื่อกำหนดเลยว่า ค่าแรงขั้นต่ำควรจะเป็นเท่าไหร่

 

พรรคจึงเสนอให้แก้กฎหมายคุ้มครองแรงงานว่าด้วยค่าแรงขั้นต่ำ ว่าต้องปรับขึ้นอัตโนมัติและปรับขึ้นทุกปี โดยคำนึงถึงสภาพเศรษฐกิจ คือจีดีพีโตเท่าไหร่ และคำนึงถึงค่าครองชีพหรือเงินเฟ้อว่าเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ ปัจจัยอะไรเพิ่มขึ้นมากกว่าก็นำปัจจัยนั้นมาเป็นฐานในการคำนวณปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำขั้นต้นในแต่ละปี ที่จะพูดคุยบนโต๊ะของบอร์ดค่าจ้าง ก่อนให้บอร์ดฯ ตัดสินใจอีกครั้ง เพื่อให้การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามสภาวะเศรษฐกิจ ตามค่าครองชีพ และปรับขึ้นทุกปี

 

 

ภาพประกอบจากเฟสบุ๊ค ศิริกัญญา ตันสกุล

เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ของนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 450 บาทต่อวัน ตามที่พรรคก้าวไกลประกาศ ศิริกัญญากล่าวว่า ย้อนกลับไปปี 2562 พรรคอนาคตใหม่ก็เสนอแนวทางเดียวกันคือไม่ได้แข่งกันที่จำนวนเงินว่าควรปรับเพิ่มเป็นเท่าไหร่ แต่พูดถึงการแก้ไขที่ระบบ และทำให้ดูว่าจากปี 2555 ที่ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาท มาจนถึงวันนี้ หากคำนวณตามวิธีของพรรคก้าวไกล ค่าแรงจะเพิ่มเป็นเท่าไหร่ ซึ่งเราคิดว่าเป็นวิธีที่ยุติธรรมต่อทั้งฝ่ายนายจ้างและฝ่ายลูกจ้าง

 

รองหัวหน้าพรรคก้าวไกลกล่าวว่า การที่นายจ้างต้องปรับเพิ่มค่าแรงเป็น 450 บาท อาจเป็นตัวเลขที่เยอะ พรรคก้าวไกลจึงมีแผนช่วยเหลือ เช่น สำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี รัฐจะเยียวยา 6 เดือนแรกที่มีการประกาศใช้ค่าแรงขั้นต่ำใหม่ รวมถึงช่วยเหลือเงินประกันสังคมที่จะให้งดจ่ายเป็นเวลา 6 เดือน เพื่อชดเชยส่วนของค่าจ้างที่เพิ่มขึ้น และมีอัตราภาษีใหม่สำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เริ่มที่ 10%
ไต่ระดับขั้นบันได ต่างจากปัจจุบันที่เริ่มต้นที่ 15%

 

 

ในฝั่งลูกจ้างก็จำเป็นต้องปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานและทักษะ เพราะการเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำ แม้มีความจำเป็นต้องทำ แต่ไม่มีความยั่งยืนหากทักษะแรงงานไม่ได้รับการยกระดับ พรรคก้าวไกลจึงเสนอให้มีโครงการ Upskill และ Reskill สำหรับทักษะพื้นฐาน จะมีการเรียนออนไลน์ ส่วนทักษะขั้นสูง อาจมีทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อให้ได้ประกาศนียบัตร สามารถขอเพิ่มค่าแรงจากนายจ้างได้ง่ายขึ้น ซึ่งนอกจากจะช่วยให้แรงงานในปัจจุบันสามารถหางานใหม่ได้หรือเพิ่มค่าจ้างง่ายขึ้น ยังช่วยให้เด็กจบใหม่ทุกคนได้งานดีๆ ไม่ว่าเขาเรียนจบด้านใด สามารถปรับทักษะได้ตลอด

 

ส่วนการปรับเงินเดือนเริ่มต้นระดับปริญญาตรี จาก 15,000 เป็น 25,000 บาท ว่าเงินเดือนของคนจบปริญญาตรี ไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้นมานานมาก แต่เราก็ไม่ต้องการให้มีการปรับเงินเดือนทุกครั้ที่มีการเลือกตั้ง เพราะต้องการให้ค่าแรงปรับขึ้นตามกลไกตลาดมากกว่า สำหรับพรรคก้าวไกล เราไม่ได้กำหนดเงินเดือนเป้าหมาย โดยเมื่อปี 2554 รัฐบาลพรรคเพื่อไทยใช้วิธีปรับเงินเดือนของข้าราชการระดับปริญญาตรีเป็น 15,000 บาท

 

ดังนั้น หากจะเพิ่มเงินเดือนเริ่มต้นเป็น 25,000 บาท ในอีก 5 ปีข้างหน้า แม้เรามีความกังวลเรื่องภาระทางการคลัง แต่หากจะทำเรื่องนี้ ก็ต้องทำควบคู่กับการรีดประสิทธิภาพของระบบราชการให้มากกว่านี้ ซึ่งไม่ได้หมายความว่าข้าราชการที่จบใหม่ทำงานไม่ได้ แต่ปัญหาอยู่ที่ระบบ ทำให้เมื่อเข้าไปแล้วไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ นี่คือความจำเป็นที่ต้องปฏิรูประบบราชการก่อน