สาวไส้ขบวนการ'นายทุนจีนสีเทา'ตั้งแต่เริ่มเข้าประเทศ-รวยล้นฟ้า
'ประชาธิปัตย์' เสวนา 'เบื้องลึกทุนจีนสีเทา ตู้ห่าว' แฉมีเจ้าหน้าที่รัฐ นักการเมืองคอยหนุนหลัง ตั้งแต่แอบเข้าประเทศ สวมเป็นคนไทย เปิดธุรกิจหน้า ลักลอบค้ายาเสพติด ค้าบริการทางเพศ
เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. ที่พรรคประชาธิปัตย์ จัดกิจกรรม ฟัง-คิด-ทำ เสวนาพิเศษ "เบื้องลึกทุนจีนสีเทา ตู้ห่าว"
น.ส.วทันยา บุนนาค หรือ มาดามเดียร์ ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมืองกรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า กรณีของ ตู้ห่าว นายทุนจีนสีเทา หากดูเพียงผิวเพิน เหมือนเป็นการทำธุรกิจสีเทา ยาเสพติด บ่อนการพนันออนไลน์ แต่เมื่อดูลึกลงไปจะเห็นว่ามีชาวจีนเข้ามาตั้งธุรกิจในประเทศไทย มีเบื้องลึกเบื้องหลังที่น่าสนใจ และสิ่งที่สำคัญคนพวกนี้เข้ามาทำความผิดจนขยายเครือข่ายไปอย่างกว้างขวางนั้น แท้จริงแล้วได้รับการสนับสนุนจากผู้มีสี ผู้มีอำนาจ ผู้ใหญ่บ้านเมืองหรือไม่ ทำให้สังคมตั้งคำถาม ยิ่งการเลือกตั้งใกล้เข้ามา คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชันในประเทศไทยเม็ดเงินที่อาจจะนำสู่ธนกิจการเมือง
ด้านพล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ หรือ รองแต้ม ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เล่าย้อนสมัยดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ว่า ตนเป็นกลุ่มแรกๆที่จัดการกับพวกมาเฟียหรือทุนสีเทา แก๊งเหล่านี้มีมานาน 30 ปีแล้ว แรกๆที่เข้ามาคือ แก๊งลูกหมู หนีจากคอมมิวนิสต์ประเทศจีนเข้ามาปลอมพาสปอตเป็นคนไทย เพื่อจะหนีประเทศที่ 3 พอปราบแก๊งพวกนี้หมด ก็มีเข้ามาเรื่อยๆ แต่สมัยนี้พัฒนามากขึ้น คนจีนเข้ามาบ้านเรา ทำสถานบริการ ผับบาร์บังหน้า สิ่งที่ตามมาคือ ค้ายาเสพติด ค้าบริการทางเพศ จนประเทศไทยเป็นแหล่ง พอกิจการเติบโตขึ้นก็เปิดบ่อน ค้าอสังหาริมทรัพย์ ตนเห็นตู้ห่าวตั้งแต่เค้ายังเป็นหนุ่มๆ เริ่มจากทำพลอย เป็นหัวหน้าไกด์ทัวร์ เปิดบริษัททัวร์ใหญ่ๆ และการปราบทัวร์ศูนย์เหรียญ ก็มีพวกนี้อยู่เบื้องหลังเพื่อให้ตัวเองกลับมายิ่งใหญ่
ซึ่งสาเหตุที่กลุ่มเกิดทุนสีเทาได้คือ ผู้มีอำนาจรัฐดูแล นักการเมืองที่มีชื่อเสียงอยู่เบื้องหลัง ผู้กว้างขวางตามพื้นที่ต่างๆ เข้าง่ายที่สุดคือเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่เพียงตำรวจอย่างเดียว ยังมีทหาร ฝ่ายปกครอง ตนถือว่าที่นายชูวิทย์ออกมาเปิดเผยเป็นการสะกิดแผล แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่เห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ เช่น ฝ่ายปกครองหรือกระทรวงมหาดไทย เรื่องการปลอมบัตรประชาชน
พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า เมื่อมีเรื่องเงินจำนวนมากและอิทธิพลเข้ามาเกี่ยวข้อง เกรงว่ากระบวนการยุติธรรมจะบิดเบือน คดีนี้จะจบไม่สวยสุดท้ายแล้วจะเป็นคดีมวยล้ม ไม่สามารถทำอะไรตู้ห่าวได้ เพราะเห็นว่าการตั้งต้นคดีแจ้งเพียงข้อหา สมคบเกี่ยวกับยาเสพติด ขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อหาครอบครอง หรือค้า หรือฟอกเงิน ที่ออกข่าวยึดทรัพย์ เช่น เครื่องบิน อาคาร โรงแรม ต้องถามว่ายึดได้หรือไม่ เชื่อว่าเป็นเพียงแค่ออกข่าวไปอย่างนั้น อายัดไว้ก่อน หลอกทั้งนั้น หากข้าราชการ นักการมืองมีจิตสำนึก ก็ต้องทำให้ถูกต้อง
เช่นเดียวกับนายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่เรียกร้องให้แจ้งข้อหาฟอกเงิน นอกจากนี้ยังพบว่า มีนายพลตำรวจแห่งชาติในสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่มีอำนาจอยู่ในขณะนี้ เคยเดินตามหลังตู้ห่าว มีอำนาจลึกลับมีความสัมพันธ์ที่เอื้อประโยชน์กันมานานแล้ว เช่น เครื่องบินที่พานายตู้หาวไปไหนมาไหนบินอย่างอิสระเสรีในน่านฟ้าของประเทศไทย ไม่พบหางเครื่องเขียนภาษาอังกฤษคำว่า hs-sao เดิมเป็นเครื่องบิน hs-pal เป็นของใคร และเมื่อตรวจสอบพบว่า hs-sao ไม่มีในสารบบของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เมื่อไม่มีการจดทะเบียนและหอบังคับการบินอนุญาตให้ขึ้นบินได้อย่างไร และยังพบว่าตู้ห่าวไปยึดวัดในจังหวัดภูเก็ตและชลบุรี โดยบริษัททัวร์ของตู้ห่าวเข้าไปสัมปทานพื้นที่ นำสินค้าไปขายในราคาแพง
ด้านนายแทนคุณ จิตต์อิสระ หรือ อี้ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กลุ่มคนจีนนายทุนสีเทา จะใช้วิธีเปลี่ยนเงินสีดำเป็นสีเทา ทุนที่ผิดกฎหมายจะเริ่มเข้าไปทำบ่อน เพราะหลายประเทศไม่ผิดกฎหมาย รวมถึงค้ามนุษย์ ค้าของเถื่อน ค้ายาเสพติด นำไปสู่การเปิดธุรกิจบังหน้า เปิดร้านอาหาร ผับบาร์ รวมถึงไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ เพื่อฟอกเงิน
สำหรับหน่วยงานรัฐของไทยเอื้อประโยชน์ มีทั้งด้านหน้าอย่างสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กรมศุลกากร ฝ่ายปกครอง ทราบมาว่า ปลอมแปลงบัตรประชาชนราคา 500,000-1,000,000 บาท คนเหล่านี้ใช้เงินจ่าย และเข้ามาเติบโต มีพวกนักการเมืองคอยอุปถัมภ์เพราะต้องการนายทุนสนับสนุน และเมื่อการจับกุม ตำรวจไทยยังมีกลไกติดตามล่าช้า กลายเป็นความไม่ยุติธรรม ดังนั้นต้องบูรณาการหลายหน่วยงานทั้ง กระทรวงยุติธรรม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง ยังไม่รวมหน่วยงานของตำรวจอีกกว่า 10 หน่วยงาน