ข่าว

'รถไฟฟ้าสายสีเขียว' ปัญหาค้างท่อ ที่ครม.ยังไม่ได้แก้ไข

'รถไฟฟ้าสายสีเขียว' ปัญหาค้างท่อ ที่ครม.ยังไม่ได้แก้ไข

15 ธ.ค. 2565

4.6 หมื่นล้าน ค่าจ้างค้างจ่าย กว่าสามปี เดิน 'รถไฟฟ้า' สายสีเขียว ออกคำสั่งตั้งแต่ปี 2562 กว่าสามปีผ่านมา ยังหาข้อยุติไม่ได้

 

สามารถ ราชพลสิทธิ์ ผู้ชำนาญด้านโครงการและแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนและท่าอากาศยานโพสเฟสบุ๊ค ทวงถาม ค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว กว่า3ปี หนี้4.6 หมื่นล้าน ยังไม่จ่ายเอกชนผู้รับจ้างเดินรถ 

แม้ว่า BTSC จะออกมาทวงหนี้หลายครั้งด้วยสารพัดวิธี แต่ดูเหมือนว่าโอกาสที่จะได้เงินคืนยังริบหรี่ คงไม่มีผู้รับจ้างเดินรถไฟฟ้ารายใดในโลกที่อดทนให้บริการโดยไม่ได้รับค่าจ้างมานานกว่า 3 ปีแล้ว การให้บริการผู้โดยสารเป็นภาระหน้าที่ของภาครัฐ แล้วทำไมจึงปล่อยให้ภาคเอกชนที่รับจ้างทำหน้าที่แทนภาครัฐเคว้งคว้าง อย่างไร้อนาคตเช่นนี้

 

ภาพประกอบจากเฟสายบุ๊ค สามารถ ราชพลสิทธิ์

 

 

บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC ยังไม่ได้รับค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย และค่าติดตั้งงานระบบไฟฟ้าและเครื่องกลประมาณ 46,000 ล้านบาท (รวมดอกเบี้ย) ในส่วนของค่าจ้างเดินรถนั้น BTSC ไม่ได้รับค่าจ้างมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2562 ถึงวันนี้เป็นเวลากว่า 3 ปีแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม BTSC ยังคงให้บริการเดินรถตลอดมาทุกวัน ไม่มีวันหยุด แม้ไม่ได้รับค่าจ้างก็ตาม

ขณะที่ผู้ว่าฯ กทม. มีหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2565 ขอให้รัฐบาลช่วยชำระค่างานโยธา (ที่รับโอนมาจาก รฟม.) และค่าติดตั้งงานระบบไฟฟ้าและเครื่องกลของส่วนต่อขยายที่ 2 (ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และช่วงหมอชิต-คูคต) รวมทั้งค่าจ้างเดินรถค้างจ่ายแทน กทม.

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2565 ศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งให้ กทม. ชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถค้างจ่ายทั้งส่วนต่อขยายที่ 1 และที่ 2 ถึงเดือนกรกฎาคม 2564 เป็นเงิน 11,755 ล้านบาท แต่ กทม. ยังไม่ชำระ โดยได้อุทธรณ์มูลค่าหนี้ต่อศาลปกครองสูงสุด

หลังจาก กทม. มีผู้ว่าฯ กทม. คนใหม่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มีหนังสือลงวันที่ 13 มิถุนายน 2565 ถึงผู้ว่าฯ กทม. ขอทราบแนวทางการดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาเสนอ ครม. ต่อไป

 

 

เหตุที่ มท. 1 ขอความเห็นจากผู้ว่าฯ กทม. เพราะก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2565 ผู้ว่าฯ กทม. (ในขณะนั้น) ได้มีหนังสือถึง มท. 1 ขอความเห็นชอบให้ขยายสัมปทานให้ BTSC เป็นเวลา 30 ปี ตั้งแต่ปี 2572-2602 โดยมีเงื่อนไขให้ BTSC แบกภาระหนี้สินทั้งหมดที่ กทม. มีอยู่กับ BTSC และ รฟม. พร้อมกับแบ่งรายได้ให้ กทม. ไม่น้อยกว่า 2 แสนล้านบาท อีกทั้ง กำหนดให้ BTSC เก็บค่าโดยสารในอัตรา 15-65 บาท (สูงสุดไม่เกิน 65 บาท)

แต่หลังจากที่ มท. 1 ได้รับหนังสือตอบจากผู้ว่าฯ กทม. แล้ว มท.1 ยังไม่ได้เสนอแนวทางการแก้ปัญหาหนี้ของรถไฟฟ้าสายสีเขียวให้ ครม. พิจารณา  มท.1 มีข้อมูลครบถ้วนพร้อมที่จะตัดสินใจได้แล้วว่าจะแก้ปัญหาหนี้ได้อย่างไร จะชำระหนี้หรือขยายสัมปทานแทนหนี้ มีแค่ 2 ทางเลือกเท่านั้น ไม่มีทางเลือกอื่น ไม่มีประโยชน์ที่จะปล่อยเวลาให้เนิ่นนานออกไป ถ้าไม่ตัดสินใจในวันนี้ก็ต้องตัดสินใจในวันหน้า

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ควรเร่งรัดการดำเนินงานของกระทรวงมหาดไทย ในฐานะที่เป็นผู้ออกคำสั่ง คสช.ที่ 3/2562 เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2562 ให้กระทรวงมหาดไทยแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นคณะหนึ่งให้แก้ปัญหาการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวเพื่อให้เดินรถได้ต่อเนื่องเป็นโครงข่ายเดียวกัน ไม่ต้องเสียค่าแรกเข้าซ้ำซ้อน

เมื่อคณะกรรมการฯ ไม่สามารถหาข้อยุติได้ ภาระหน้าที่จึงตกอยู่ที่กระทรวงมหาดไทย  หากกระทรวงมหาดไทยเสนอแนวทางการแก้ปัญหารถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้าสู่ที่ประชุม ครม. ท่านนายกฯ ประยุทธ์ ในฐานะผู้นำรัฐบาลน่าจะมีข้อมูลพร้อมที่จะตัดสินใจได้ว่าจะชำระหนี้หรือขยายสัมปทานแทนหนี้ให้ BTS

สามารถ บอกว่า การตัดสินใจเร็วจะเป็นการสร้างบรรยากาศที่ดีของการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน การลังเลจะทำให้เอกชนไม่มั่นใจที่จะมาร่วมลงทุนในโครงการของรัฐโดยเฉพาะเอกชนจากต่างประเทศ ซึ่งจะส่งผลเสียต่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของไทย และที่สำคัญ จะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ