ข้อสรุป มาตรการนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทย
ที่ประชุม 4 กระทรวงรับมือนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทย มีข้อสรุป ต้องฉีดวัคซีนอย่างน้อย 2 เข้ม เลื่อนเดินทางหากพบอาการป่วยทางเดินหายใจ และต้องซื้อประกันสุขภาพในประเทศที่ตรวจก่อนกลับ พร้อมจัดตั้งศูนย์ประเมินสถานการณ์ใกล้ชิด
เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประชุมเตรียมความพร้อมรับผู้เดินทางเข้าประเทศจากสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมี นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
ภายหลังการประชุมนายอนุทิน เปิดเผยว่า ตั้งแต่เปิดประเทศมีการเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยว นักธุรกิจ สายการบินมีคนเดินทางมากขึ้น 80% ทำให้ธุรกิจต่างๆ การจ้างงานพลิกฟื้นกลับมามากขึ้น
ทั้งนี้วันที่ 8 มกราคม 2566 ที่จะถึง ทางการจีนจะเริ่มอนุญาตให้ประชาชนเดินทางออกนอกประเทศ ซึ่งประเทศไทยเป็นจุดหมายการเดินทางของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกรวมถึงจีนด้วย โดยคณะกรรมการด้านวิชาการ ตามพ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ที่มีอาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากคณะแพทยศาสตร์และหลายๆ หน่วยงาน มีความเห็นตรงกันให้ปฏิบัติตามแนวทางโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง และปฏิบัติกับผู้เดินทางจากทุกประเทศอย่างเท่าเทียม ยืนยันว่า ระบบสาธารณสุขของไทยมีความพร้อมรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน และมีแผนเตรียมความพร้อมหากการระบาดของโรครุนแรงเพิ่มขึ้น
โดยที่ประชุมเห็นชอบแนวทางการรับนักท่องเที่ยว โดยมาตรการด้านสาธารณสุข คือ
-ก่อนเข้าประเทศ ให้นักเดินทางฉีดวัคซีนโควิด 19 อย่างน้อย 2 เข็ม
-หากมีอาการป่วยทางเดินหายใจ ควรเลื่อนการเดินทางและรักษาให้หายก่อนเพื่อลดการแพร่โรค
-หากประเทศใดมีข้อกำหนดให้ผู้เดินทางต้องมีผลตรวจ RT-PCR เป็นลบ ก่อนเข้าประเทศต้องให้ซื้อประกันสุขภาพเดินทางที่ครอบคลุมการตรวจรักษาโรคโควิด19 เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพหากตรวจพบบเชื้อหรือป่วย
ส่วนมาตรการขณะพำนักในประเทศไทย ยังต้องป้องกันตนเองตลอดระยะเวลา เช่น สวมหน้ากากเมื่ออยู่ในพื้นที่สาธารณะหรือขนส่งสาธารณะ หมั่นล้างมือ หากมีอาการทางเดินหายใจ ให้ตรวจคัดกรองด้วย ATK และหากมีอาการป่วยรุนแรงขึ้นให้ไปตรวจรักษาที่สถานพยาบาล
กรณีเดินทางออกจากประเทศไทยและประเทศปลายทางมีนโยบายตรวจคัดกรองก่อนเข้าประเทศ สามารถพักในโรงแรม SHA+ ซึ่งจะมีบริการตรวจหาเชื้อโควิด 19 โดยสถานพยาบาลที่ได้รับรองมาตรฐานห้องปฏิบัติการจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
นายอนุทิน กล่าวว่า จะมีการจัดตั้งศูนย์ติดตามและประเมินสถานการณ์ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2566 เพื่อปรับมาตรการตามสถานการณ์ความเสี่ยง เช่น อัตราการติดเชื้อสูง หรือ พบเชื้อกลายพันธุ์ เน้นเฝ้าระวังโรคกลุ่มผู้เดินทางจากต่างประเทศที่มีอาการทางเดินหายใจ พร้อมรายงานสถานการณ์ในเว็บไซต์กรมควบคุมโรค เน้นจำนวนนักท่องเที่ยวและผลการตรวจคัดกรองผู้ที่มีอาการป่วยทางเดินหายใจที่สนามบิน รวมถึงเพิ่มศักยภาพระบบสาธารณสุขในจังหวัดท่องเที่ยว ทั้งสถานพยาบาลและ Hospitel และขอความร่วมมือให้ผู้บริการในอุตสาหกรรมภาคการท่องเที่ยวและคมนาคมเข้ารับวัคซีนป้องกันโควิดให้ครบ 4 เข็ม