'เลือกตั้ง'ครั้งหน้า วัดฝีมือขวาใหม่ ในกรุงเทพฯ
ไผ่แยกกอ อดีตแนวร่วม'กปปส.' แยกพรรค เลือกตั้งครั้งหน้า วัดฝีมือทำพื้นที่เลือกตั้ง สนามปราบเซียน กรุงเทพมหานคร
ย้อนกลับไปเมื่อสิบปีที่ผ่านมา การชุมนุมทางการเมืองกว่าสองร้อยวัน ปิดฉากลงด้วยการรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม2557 ชัตดาวน์กรุงเทพฯ ได้สมใจคณะบุคคลที่เรียกตัวเองว่า คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ กปปส.
สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์เป็นหัวขบวน ร่วมกับแนวร่วมอนุรักษ์นิยม เป็นการชุมนุมที่ถือกำเนิดมาจากความพยายาม ดันกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอยของพรรคเพื่อไทย
ในบรรดาหัวหมู่ทะลวงฟัน ซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญถึงระหว่างการชุมนุม กปปส. หรือที่เรียกกันว่าตัวพ่อ ในยุคนั้น ยังนับได้ว่าเป็นคนรุ่นใหม่ กลับมามีบทบาทสำคัญในการจัดการเลือกตั้งครั้งหน้า และอยู่ในระนาบเดียวกับที่เคยขับเคี่ยว เดินหน้าชัตดาวน์ประเทศไทย ได้ร่วมเข้าไปเป็นแกนหลัก เป็นกำลังสำคัญในแต่ละพรรคเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ ไล่เรียงตามลำดับประกอบด้วย
- พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีตรัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัล อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ อดีตส.ส.ประชาธิปัตย์ แกนนำกลุ่มยังบลัด กปปส. ย้ายเข้าไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย พร้อมกับหนีบอดีต ส.ส.พลังประชารัฐร่วมสังกัดใหม่ 5 รายได้แก่ นายจักรพันธ์ พรนิมิตร พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ กษิดิ์เดช ชุติมันต์ ภาดาท์ วรกานนท์ และ กรณิศ งามสุคนธ์รัตนา พร้อมเปิดตัวทีมคนรุ่นใหม่ เป้าหมาย ภูมิใจกรุงเทพฯ
-
เอกณัฐ พร้อมพันธ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ นอกจากจะมีชาติพันธุ์ทางการเมืองแล้ว ก่อนหน้านี้เคยดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ก่อนมาอยู่ร่วมชายคากับ พีรพันธ์ สาลีรัฐวิภาค ที่อกหักจากการท้าชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์มาเหมือนกัน หมายมั่นชิงส่วนแบ่งกทม.หวังอาศัยแต้มต่อจากอดีตส.ส.พลังประชารัฐที่จะย้ายมาสังกัดพรรคลุงตู่ มีชุมพล จุลใส เป็นลมใต้ปีกอยู่ในปักษ์ใต้ตอนบน
-
สกลธี ภัททิยกุล อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขต 4 พรรคประชาธิปัตย์ อดีตสมาชิกและกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ อดีตแกนนำ กปปส. และเป็นบุตรชายของอดีตเลขาธิการ คมช. ว่ากันว่า เลือกตั้งครั้งหน้า ต้องทำงานอย่างหนัก เพราะกระแสของพลังประชารัฐตกต่ำ จนทำให้ผู้ร่วมอุดมการณ์หลายราย ต้องหนีตายออกจากพรรค แม้จะมีแรงหนุนจาก ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ซึ่งถูกตัดสิทธิการเมือง 5 ปี แต่ความที่เคยดำรงตำแหน่งเสมา 1 จึงยังพอมีต้นทุนอยู่บ้าง
การเลือกตั้งทุกครั้งว่ากันว่าสนามกทม.ถือเป็นสนามปราบเซียน ไม่สามารถคาดการล่วงหน้าได้ และเอาใจยากที่สุด จุดพลิกผันวัดกันจนนาทีสุดท้าย เหล่าทหารเสือแม้เคยเป็นเพื่อนร่วมค่าย สหายร่วมรบ ถึงเวลาต้องกระชากเรตติ้ง แย่งชิงพื้นที่ ทั้งหมดนี้ ขึ้นอยู่กับว่าใครจะมีมุกใหม่ 10 ปีที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่า ทั้งกระแสชัตดาวน์กรุงเทพฯและปฏิรูปก่อนเลือกตั้งล้วนผุพังไปตามกาลเวลาแล้ว