ข่าว

รายงานผลคะแนนเรียลไทม์ไม่ได้ ถือว่า'กกต.'ไม่พร้อมเลือกตั้ง

รายงานผลคะแนนเรียลไทม์ไม่ได้ ถือว่า'กกต.'ไม่พร้อมเลือกตั้ง

13 ม.ค. 2566

'เลือกตั้ง'ครั้งหน้า กกต. ต้องพร้อมกว่านี้ ก้าวไกล อัด ไม่มีระบบรายงานผลคะแนนออนไลน์ เหมือนไม่โปร่งใส ไร้ความน่าเชื่อถือ

 

ปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก และ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.กรุงเทพฯ เขตบางแค พรรคก้าวไกล แสดงความเห็นกรณี แสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง  ชี้แจงว่า กกต. ไม่มีระบบรายงานผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ หรือการรายงานผลเรียลไทม์ กลับยืนยันด้วยปากเปล่าเพียงว่าจะรู้คะแนนเลือกตั้งประมาณ 21.00-22.00 น. หลังปิดหีบ

 

คล้ายกับเป็นข้ออ้างว่าองค์กรยังไม่มีแอปพลิเคชันที่พร้อมจะนำไปใช้งานในการรายงานผลแบบเรียลไทม์ซึ่งอาจสะท้อนด้วยว่า กกต. ไม่อยากให้มีระบบที่สามารถรายงานผลคะแนนได้อย่างโปร่งใสหรือไม่

 

ทั้งที่การจัดเลือกตั้งให้โปร่งใสเป็นหน้าที่ของ กกต.  หากไม่มีระบบดังกล่าว ประชาชนจะเกิดความกังวลว่าไม่เห็นคะแนนหลังปิดหีบระหว่างทาง ไม่รู้เลยว่าผลคะแนนสุดท้ายได้เพิ่มขึ้นหรือลดลง เช่นการเลือกตั้ง 2562 เกิดข้อครหาเรื่องบัตรเขย่ง ผลคะแนนไม่ตรงกัน

แต่ถ้ามีการรายงานผลคะแนนต่อเนื่อง จะช่วยให้สื่อมวลชนและประชาชนเห็นความคืบหน้าการนับคะแนน ร่วมกันตรวจสอบ เปรียบเทียบระหว่างผลคะแนนที่ได้กับผลลัพธ์สุดท้ายได้ ซึ่งผลทั้งสองควรจะใกล้เคียงกัน

 

ณัฐพงษ์บอกว่า กกต. ต้องไม่ลืมว่าตัวเองมีชนักติดหลัง คือข้อครหาว่ามีที่มาที่ยึดโยง คสช. ดังนั้น หากต้องการพิสูจน์และปกป้องตัวเอง กกต. ต้องทำหน้าที่อย่างโปร่งใส  ให้คำตอบประชาชนก่อนเลือกตั้งว่าจะมีระบบการรายงานผลเลือกตั้งแบบเรียลไทม์หรือไม่ แต่หากสิ่งนี้ไม่เกิดขึ้น คิดว่าถึงเวลาแล้วที่ประชาชนต้องตัดสินใจผ่านการเลือกตั้ง เลือกพรรคที่มีนโยบายร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ทำให้องค์กรอิสระทุกองค์กรยึดโยงประชาชน ในอนาคตถ้า กกต. ปฏิบัติหน้าที่อย่างน่าสงสัยแบบที่เป็นอยู่ ประชาชนสามารถถอดถอนได้

 

 

 

ปดิพัทธ์ เห็นว่า กกต. ควรแสดงความพร้อมในการจัดเลือกตั้งให้มากกว่านี้ เพราะตอนนี้แม้จะใกล้วันเลือกตั้ง แต่ กกต. ยังไม่สามารถให้ความชัดเจนเรื่องการแบ่งเขต ไม่มีความพร้อมเรื่องแอปพลิเคชันรายงานผล ทั้งหมดนี้ทำให้ความน่าเชื่อถือขององค์กรจัดการเลือกตั้งยิ่งถดถอย

 

" วันนี้ประชาชนต้องการฟื้นฟูประเทศด้วยฉันทามติ โดยมีการเลือกตั้งเป็นคำตอบ เขาตระหนักรู้แล้วว่าบทเรียนเมื่อปี 2562 นำไปสู่ความล้มเหลวในกระบวนการทางรัฐสภา ดังนั้น หาก กกต. ยังนิ่งเฉย และทำเรื่องที่ซ้ำรอยความล้มเหลวในอดีต  สังคมไทยคงไปต่อยาก "