"อุ๊งอิ๊ง"ลั่นเลือกเพื่อไทย อาจเห็น"ลิซ่า แบล็กพิงค์"คนต่อไป
"เพื่อไทย"ยกทัพลุยจังหวัด ชูหลักคิด "ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้" ขณะที่"อุ๊งอิ๊ง"ปราศรัย มุ่งสรร้างงานและอาชีพอาจเห็น"ลิซ่า แบล็กพิงค์"คนต่อไป แต่ค่าแรง 600 บาทมาแน่ ส่วน"สุทิน"ประกาศเพิ่มเงินผู้สูงอายุ
เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2566 นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส. น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย , นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หรือ อุ๊งอิ๊ง หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยและประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม ยกขบวน ผู้บริหารพรรคลงพื้นที่จังหวัดเลยเพื่อปราศรัยและรับฟังปัญหา รวมทั้งหารือตัวแทนภาคเอกชนของจังหวัด ที่ต่างสะท้อนศักยภาพเมืองเลย โดยเฉพาะด้านซอฟต์เพาเวอร์ ทั้งวิถีชีวิต การแต่งกาย เสื้อผ้าและอาหาร เมืองท่องเที่ยวและเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ เชื่อมต่อกับลาวทั้งบนและล่าง
โดยนพ.ชลน่าน กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยเตรียมพัฒนาเป็นนโยบาย ทั้งในเรื่องการท่องเที่ยว และการเกษตร ตามมีหลักคิดสำคัญ คือ ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ ซึ่งในส่วนนี้อาจมีการคิดต่อยอดไปสู่การเตรียมการรองรับพี่น้องผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี
ส่วนนางสาวแพทองธาร กล่าวขึ้นปราศรัยบนเวที เตรียมพัฒนาจังหวัดเลยดังนี้
เสริมศักยภาพ ด้วยนโยบาย หนึ่งครอบครัว หนึ่งซอฟต์เพาเวอร์ ที่จะส่งเสริมคนที่มีศักยภาพ ให้มีโอกาส จะช่วยให้เกิดการเพิ่มอาชีพ และมีรายได้เพิ่ม โดยมีรายได้เริ่มต้น 2แสนบาทต่อปี และตั้งเป้าไว้ว่าจะต้องสร้างงาน สร้างอาชีพให้ได้มากถึง 20 ล้านตำแหน่ง เราอาจจะได้เห็น "ลิซ่า แบล็กพิงค์" ศิลปินชื่อดังระดับโลก คนต่อไปมาจากจังหวัดเลย
เกษตรกร นำเอาเทคโนโลยีเข้ามาจับเพื่อช่วยส่งเสริมการเพาะปลูกของเกษตรกร ขายได้ง่ายขึ้น ขยายตลาดต่างประเทศ ทำให้สินค้าเกษตรราคาขึ้นยกแพง และแก้ปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้งที่เป็นอุปสรรคในการเกษตรจะต้องถูกแก้ไขอย่างจริงจัง
ท่องเที่ยว สานต่อนโยบายพรรคไทยรักไทยเคยได้เริ่มไว้ อย่างโครงการสร้างกระเช้าขึ้นภูกระดึง สร้างเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของเลยให้กลับมาเติบโต พี่น้องชาวเลยจะได้ไม่ต้องย้ายถิ่นฐานไปขายลอตเตอรี่ไกลบ้านอีก มีรายได้และอาชีพที่มั่นคง
ยาเสพติด ไม่ใช้แค่ปราบปราม แต่ยังต้องบำบัดผู้ที่ได้รับผลกระทบจากยาเสพติดอีกด้วย เพราะพื้นฐานอนาคตของลูกหลานเป็นสิ่งสำคัญ
ค่าแรง ในปี 2570 ค่าแรงขั้นต่ำจะต้องขึ้นเป็นวันละ 600 บาท
นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนเคยอาศัยอยู่ใน จ.เลย ช่วงหนึ่ง ตอนนี้พัฒนาไปมาก น้ำไหล ไฟสว่าง หนทางดี แต่พบว่าพี่น้องประชาชนเป็นหนี้สินมากกว่าเดิม จากราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำแต่ราคาปุ๋ยเคมียังเท่าเดิม เทียบราคาตั้งแต่ยุครัฐบาล ดร.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ราคารับซื้อยางพาราอยู่ที่กิโลกรัมละ 120 บาท ยุครัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี อยู่ที่กิโลกรัมละ 80 บาท แต่ตอนนี้เหลืออยู่ที่ 30 บาท ส่วนยางก้นถ้วย ราคารับซื้อ ณ วันนี้เหลือกิโลกรัมละ 17 บาท ส่วนราคารับซื้อข้าวในยุครัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ อยู่ที่ตันละ 15,000-20,000 บาท ตอนนี้เหลือตันละ 7,000 บาท
ขณะที่การขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในอดีต พ่อค้าแม่ค้าในพื้นที่ขายเสร็จเอาเงินมาไว้ที่บ้าน แต่รัฐบาลชุดนี้ บีบผู้ขายรายย่อยให้ขายในราคา 80 บาท แต่ยี่ปั๊วหรือนายทุนรายใหญ่ได้กำไรเท่าเดิม นอกจากนี้ยังมีปัญหาโรคระบาดในสัตว์ ทั้งลัมปีสกิน อหิวาห์สุกร ที่รุมเร้าพี่น้องเกษตรกรที่ไม่ได้รับการดูแลอย่างทันท่วงที
เราจะเพิ่มให้สวัสดิการให้พี่น้องประชาชน เบี้ยผู้สูงอายุเพิ่มให้จากเดิมที่ 600 บาท เป็นบำนาญผู้สูงอายุ 3,000 บาทต่อเดือน และเงินโอนคนสร้างตัวสำหรับประชาชนที่ยังทำงานและอายุไม่ถึง 60 ปี หากรายได้ไม่ถึงค่าแรงขั้นต่ำ พรรคเพื่อไทยจะโอนให้ถึงค่าแรงขั้นต่ำ
"นี่คือสูตรเพื่อไทย หนี้ลดลง ไม่ใช่สูตรประยุทธ์ ต้องแลนด์สไลด์เพื่อไทยเท่านั้น อยากอยู่กับประยุทธ์ แก้แบบเก่า อยากอยู่กับเพื่อไทย แก้แบบใหม่" นายสุทิน กล่าว