พรรคใหญ่- 'บ้านใหญ่' ปัจจัยชี้ขาด 'เลือกตั้ง66'
นักวิชาการวิเคราะห์ 'เลือกตั้ง66' ย้อนสถิติปี54 'บ้านใหญ่' - พรรคใหญ่ เป็นปัจจัยชี้ขาดชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์
ดร.สติธร ธนานิธิโชติ ผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า วิเคราะห์สถานการณ์การเลือกตั้ง 66 โดยหยิบยกผลการวิจัยข้อมูลสแกนตระกูลบ้านใหญ่ ที่มีผลต่อชัยชนะการเลือกตั้งในปี 54 พบว่า มีความสำคัญเกี่ยวกับการสังกัดพรรคการเมือง เป็นอันดับที่ 1 ในห้วงเวลานั้น
หากดูผลการเลือกตั้งเมื่อปี 54 กระจายตามภูมิภาคต่างๆ การเมืองถูกแบ่งออกเป็น 2 ขั้ว 2 พรรค ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาธิปัตย์ แข่งกันในระดับภูมิภาค เช่น ภาคอีสานเพื่อไทย ซึ่งจะมี 10 ตระกูลการเมืองที่ได้รับเลือกตั้งในนามพรรคเพื่อไทย ขณะที่ พรรคประชาธิปัตย์ก็ยังมีรอดออกมาประมาณ 3 ตระกูล
ส่วนทางภาคเหนือเพื่อไทยจะนำมา ประชาธิปัตย์ได้บ้างทางภาคเหนือตอนล่าง ส่วนเพื่อไทย มี 3 ตระกูล ประชาธิปัตย์ก็มี 3 ตระกูล สำหรับภาคกลางน่าสนใจพรรคประชาธิปัตย์ ผลการเลือกตั้งได้ค่อนข้างเยอะประมาณ 7 ตระกูล เพื่อไทย 4 ตระกูล ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้เข้ามา 3 ตระกูล
ภาคใต้ไม่ต้องพูดถึงพรรคเพื่อไทยไม่ได้ที่นั่ง เรียกว่าได้ศูนย์ตระกูล แล้วพรรคประชาธิปัตย์จะมีตระกูลใหญ่ 4 ตระกูล
พูดง่ายๆ ถ้าลงการเมือง สังกัดพรรคเพื่อไทย ทางภาคเหนือ ภาคอีสาน ตระกูลไหน บ้านใหญ่ไหน ก็ไม่ต้องกลัว หรือลงการเมืองสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ทางภาคใต้ ตระกูลไหน ก็ไม่ต้องกลัวเช่นกัน
"ตระกูลบ้านใหญ่สู้พรรคการเมืองที่สังกัดไม่ได้ ดังนั้น ตระกูลใหญ่ ก็ยังมีความสำคัญ แต่เป็นปัจจัยลำดับรอง ประมาณอันดับที่ 3 ถ้านำไปวัดกับบุคคลที่เขามีนามสกุลดังด้วย"
ดร.สติธร อธิบายต่อว่า นอกจากแต่ละพรรคจะแข่งกันด้วยกระแสของพรรคแล้ว จะเห็นได้ว่า ยังมีเรื่องของตระกูลบ้านใหญ่ เข้าไปช่วยหนุน ทำให้ผลการเลือกตั้งมันประสบผลสำเร็จหรือล้มเหลวแตกต่างกันไป หากไปดูผลเลือกตั้ง ส.ส.หน้าใหม่ พบว่า ตระกูลมีความสำคัญ จะเป็นปัจจัยสำคัญก่อนที่จะไปถึงประชาชนจะเลือกไม่เลือก
"เพราะความเป็นตระกูลจะแพ้ความเป็นพรรค แต่ความเป็นตระกูลจะไปเชื่อมโยงพรรคการเมือง จุดนี้จะทำให้ประชาชนตัดสินใจเลือกได้ง่ายกว่า คนหน้าใหม่ที่ไม่มีตระกูลไปลงพรรคเล็กพรรคน้อย แทบเรียกได้ว่ารอดยาก ขณะเดียวกัน ถ้าเป็นตระกูลใหญ่หรือบ้านใหญ่ไปรวมกับพรรคใหญ่รับรองได้แลนด์สไลด์แน่นอน"