ราเมศ ‘โฆษกปชป.' ลุย แก้ปัญหา ‘ที่ดินทำกิน’ จ.พังงา
ราเมศ 'โฆษกปชป.' ลุย แก้ปัญหา ‘ที่ดินทำกิน’ จ.พังงา ชี้ กรมที่ดิน ต้องจริงใจในการพิสูจน์สิทธิ ชาวบ้านบางรายต่อสู้มานานถึง 30 ปี พร้อมชูนโยบาย โฉนดล้านแปลง ใน 4 ปี
5 มี.ค.2566 นายราเมศ รัตนะเชวง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ระบบบัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (โฆษกปชป.) กล่าวถึงการแก้ปัญหาที่ดินทำกินให้กับประชาชนว่า เรื่องปัญหาที่ดินทำกิน ถือเป็นปัญหาลำดับต้น ๆ ของพี่น้องประชาชนทั่วทั้งประเทศ เป็นปัญหาที่หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องไม่ได้สนใจในปัญหานี้เท่าที่ควร
สำหรับในพื้นที่จังหวัดพังงา ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาอันดับแรกที่พี่น้องประชาชนต้องการให้มีการแก้ไข พร้อมกับได้ยกตัวอย่างจากการลงพื้นที่ใน หมู่ที่ 3 ตำบล เหล อำเภอกะปง จังหวัดพังงา พบว่าที่ดินที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัย และทำสวน เป็นที่ดินที่ไม่ได้อยู่ในเขตป่า
"แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ไปสำรวจก็จะเกิดข้ออ้างหลากหลายประการที่ทำให้ชาวบ้านไม่ได้รับความเป็นธรรมและไม่สามารถที่จะออกโฉนดได้ ซึ่งชาวบ้านได้ต่อสู้เรื่องนี้มานานกว่า 30 ปี ทั้ง ๆ ที่มีหลักฐานสิทธิในที่ดิน นส. 3 และเอกสารอื่นๆ ที่ชี้ให้เห็นถึงการถือครองที่ชอบ"โฆษกปชป. กล่าว
ซึ่งจากการลงพื้นที่เก็บข้อมูลด้วยตัวเอง ก็เชื่อมั่นว่า มีหลายแปลงสามารถออกเอกสารสิทธิที่เป็นโฉนดได้ เพียงแต่เจ้าหน้าที่รัฐที่เดินสำรวจ ไม่ได้ให้ความสำคัญกับชาวบ้าน และไม่คิดที่จะช่วยกันหาทางพิสูจน์สิทธิด้วยความจริง ด้วยการรับฟัง รวมถึงการให้ชาวบ้าน ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น เข้ามามีส่วนร่วม
นายราเมศ กล่าวต่อว่า ตนจะได้นำเรื่องนี้เสนอต่อให้กับประธานสภาผู้แทนราษฎร นายชวน หลีกภัย เพื่อใช้กลไกของฝ่ายนิติบัญญัติช่วยแก้ปัญหาในช่วงท้ายของวาระสภาสมัยนี้ และจะได้นำเสนอต่อ นายนริศ ขำนุรักษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยอีกช่องทาง เพื่อให้ช่วยสั่งการกรมที่ดินรวมรวมข้อเท็จจริง รายงานต่อรัฐมนตรีสำหรับหาแนวทางให้ความช่วยเหลือประชาชนต่อไป
นายราเมศ กล่าวตอนท้ายว่า พรรคประชาธิปัตย์ให้ความสำคัญปัญหาที่ดินทำกิน จึงเป็นที่มาของนโยบายที่พรรค ตั้งเป้าหมายไว้ คือ ออกโฉนดที่ดิน 1 ล้านแปลง ภายใน 4 ปี ซึ่งพรรคได้ดำเนินการสำเร็จมาแล้วส่วนหนึ่ง และจะนำมาสานต่อเพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้นให้มากที่สุด
รวมไปถึงการแก้ปัญหาของประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐ พรรคก็มีนโยบายออกกรรมสิทธิ์ทำกินให้ประชาชน เพื่อให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืน โดยไม่ทำให้พี่น้องประชาชนเกิดความกังวล และเกิดความทุกข์ว่าจะถูกดำเนินคดีหรือไม่
"ปัญหาเหล่านี้ไม่ควรส่งต่อจากรุ่นหนึ่งไปยังอีกรุ่นหนึ่ง พรรคประชาธิปัตย์มี นโยบายที่ชัดเจนเพื่อแก้ปัญหาให้จบอย่างเป็นระบบ มั่นคงและยั่งยืน ซึ่งพรรคได้ทำสำเร็จมาแล้วจากนโยบาย “โฉนดชุมชน” ซึ่งพี่น้องประชาชนมีความพึงพอใจและเรียกร้องให้สานต่อนโยบายเหล่านี้ให้ดียิ่งขึ้น ดังนั้นพรรคยืนยันที่จะทำเรื่องนี้ต่อไป" โฆษกปชป.กล่าว