ข่าว

'ม.หอการค้า' เผย 'เลือกตั้ง' คนตื่นตัว 'ต้านคอร์รัปชัน' 'ซื้อเสียง' ไม่เลือก

'ม.หอการค้า' เผย 'เลือกตั้ง' คนตื่นตัว 'ต้านคอร์รัปชัน' 'ซื้อเสียง' ไม่เลือก

08 มี.ค. 2566

'ม.หอการค้า' เผยประชาชนร้อยละ 83 ไม่เลือก 'พรรคการเมือง' ที่ไม่มีนโยบาย 'ต้านคอร์รัปชัน' ชัดเจน ร้อยละ 86 'ซื้อเสียง' ก็ไม่เลือก ทิศทางความต้องการเปลี่ยนจากปากท้องเป็นต้านคอร์รัปชัน

ใกล้เข้ามาทุกทีสำหรับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในรอบ 10 ปี ประเด็นร้อนแรงตั้งแต่ต้นปีจนคงหนีไม่พ้น "คอร์รัปชัน" ของเหล่าข้าราชการ นักการเมืองที่ประชาชนเป็นผู้เลือกเข้าไปบริหารประเทศ ยกตัวอย่าง การจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายกลางแจ้ง ชุดน้ำพุราคา 6 ล้านบาท แต่ใช้งานไม่ได้ ต้นทองอุไร ต้นละ 6 พันบาท ทว่าการ "คอร์รัปชัน" คงไม่ใช่เรื่องแปลกหรือเรื่องใหม่สำหรับคนไทย ทว่าการเลือกตั้งครั้งนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนประเทศไทย เพราะ "ม.หอการค้า" ได้เผยผลสำรวจประชาชนต่อนโยบายต่อต้านคอร์รัปชันของพรรคการเมืองและนักการเมืองในการ "เลือกตั้ง" ปี 2566 เกือบร้อยเปอร์เซ็น "ต้านคอร์รัปชัน" 
  ตารางแสดงผลสำรวจความเห็นประชาชนต้านคอร์รัปชั่น

รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้า ได้สรุปผลสำรวจจากกลุ่มตัวอย่างทั่วประเทศ 2,255 ตัวอย่าง ช่วงระหว่างวันที่ 5-25 มกราคม 2566 ว่า ปัญหาสำคัญที่ต้องแก้ไขมากที่สุด 3 ลำดับแรก คือปัญหา "คอร์รัปชัน" รองลงมาคือการศึกษา และอันดับ 3 คือลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งต่างจากการเลือกตั้งครั้งก่อน 3 อันดับแรกคือ ลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม การศึกษา และคอร์รัปชัน

รศ.ดร.ธนวรรน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้า

ประชาชนเกือบร้อยละ 90 ต้องการพรรคการเมืองที่มีนโยบาย "ต้านคอร์รัปชั่น" ชัดเจน เป็นรูปธรรม นักการเมืองมีความซื้อสัตย์ ใช้งบประมาณคุ้มค่า เข้ามาบริหารประเทศแล้วต้องโปร่งใส ช่วยแก้ไขวัฒนธรรมการทุจริตในทุกรูปแบบ ให้ประชาชนมีความร่วมในการตรวจสอบ และร้อยละ 80 พรรคการเมืองไหนที่ไม่มีนโยบายชัดเจนจะไม่เลือก นอกจากนี้ ยังพบข้อมูลที่น่าสนใจเพิ่มอีกด้วยว่า ประชาชนเกือบร้อยละร้อย ถ้าพรรคการเมืองไหนจ่ายเงินซื้อเสียงจะไม่เลือกแน่นอน โดยให้เหตุผลว่าไม่โปร่งใสตั้งแต่เริ่มต้น 

"นโยบายต่อต้านคอร์รัปชันของพรรคการเมืองและนักการเมืองมีผลต่อการตัดสินใจลงคะแนนมาก แต่ต้องปฏิบัติได้จริง นี่เป็นโอกาสสำคัญที่พรรคการเมืองจะทำป้ายหาเสียงนโยบายต้านคอร์รัปชั่น เพราะตอนนี้ทุกกลุ่มอายุไม่ทานทนกับคอร์รัปชั่นอีกต่อไป ทุกคนยังมีความเชื่อ ความหวัง ความศรัธทาที่จะได้พรรคการเมืองรุ่นใหม่เข้ามาปราบคอร์รัปชัน" อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้า กล่าว


 นายวิเชียร พงศธร ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) และประธานกรรมการมูลนิธิ  บอกว่า จากผลสำรวจชี้ให้เห็นชัดเจนว่าประชาชนอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง แก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น ไม่ยอมรับคนโกงเหมือนในอดีตที่เคยสำรวจพบว่า ประชาชนยอมให้คอร์รัปชันได้บ้าง ถ้าหากประเทศยังได้ประโยชน์ แต่วันนี้ทิศทางเปลี่ยนไปชัดเจนต่างจากเมื่อ 10 ปีก่อน แม้ว่าคุณจะทำประโยชย์  แต่ถ้าโกงก็ไม่เอา เวลานี้เป็นเวลาที่ดีที่สุด ที่เราจะส่งเสียงให้เป็นจุดเปลี่ยนประเทศไทย ประชนชนต้องทำเรื่องนี้ให้เข้มแข็ง ต้องสำเร็จ ต้องมีความหวังร่วมกัน หากถึงวันเลือกตั้งแล้วยังไม่มีตัวเลือก ก็ต้องไปใช้สิทธิประสงค์ไม่ลงคะแนน ทำ 1 เสียงของเราให้มีพลังที่สุด 

นายวิเชียร พงศธร ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)

 ดร.มานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) บอกด้วยว่า เป็นเรื่องน่ายินดีที่มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น ยุคตักตวงผลประโยชน์กำลังจะหมดไป ได้คนยุคใหม่เข้ามาทำประโยชน์ให้ประชาชน ขณะเดียวกันพรรคการเมืองต้องมีนโยบายจับต้องได้ ไม่ใช่แค่คำพูดหวานหู 

ดร.มานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)