ข่าว

‘นฤมล’ แถลงน้ำตาคลอ ขอสละ ‘ปาร์ตี้ลิสต์’ พลังประชารัฐ

‘นฤมล’ แถลงน้ำตาคลอ ขอสละ ‘ปาร์ตี้ลิสต์’ พลังประชารัฐ

24 มี.ค. 2566

'นฤมล' แถลงน้ำตาคลอ ลั่นขอสละ 'ปาร์ตี้ลิสต์' ถึงเวลาต้องผลัดใบ เปิดทางคนรุ่นใหม่ทำงาน แต่ไม่ทิ้ง พปชร.เพราะทำให้แจ้งเกิด ปัด ไม่น้อยใจ-ไม่ขัดแย้ง เผย บิ๊กป้อมไฟเขียว ชี้ลำดับ 20-30 ไร้ที่นั่งคนรุ่นใหม่

ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ แถลงข่าวทิศทางการทำงานการเมืองกับพรรคว่า พรรคมีบุคลากรคุณภาพจำนวนมาก ทั้งผู้ร่วมก่อตั้งพรรคปี 2561 ผู้เข้าร่วมระหว่างทาง และผู้ที่เพิ่งเข้ามา ทุกคนต่างมีความสามารถที่หลากหลาย และตั้งใจทำงานเพื่อประชาชน ตนตั้งใจมาทำงานเมือง ปรารถนาที่จะตอบแทนพระคุณแผ่นดิน และประชาชนที่เสียภาษีส่งตนเรียนต่อต่างประเทศ กลับมาเป็นอาจารย์ประจำ 5 ปีที่แล้ว ได้รับโอกาสจากพรรคให้ได้เข้ามาทำงานการเมือง จึงตัดสินใจลาออกจากราชการ ด้วยความหวังและความตั้งใจที่จะนำความรู้และประสบการณ์ที่มีมาทำประโยชน์ตอบแทนประชาชน

สละ ปาร์ตี้ลิสต์ เปิดโอกาสคนรุ่นใหม่

การเลือกตั้งปี2562 ได้รับโอกาสจากผู้บริหารพรรคให้ได้ลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 5 เป็นหน้าใหม่ทางการเมือง ไม่ใช่เด็กบ้านใหญ่ ไม่เคยลงสมัครรับเลือกตั้ง การเลือกตั้ง2566 จึงอยากเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ทางการเมืองได้เข้ามาอยู่ในบัญชีรายชื่อลำดับต้นๆ เราที่เคยได้รับโอกาส ไม่เสียสละ คนใหม่ก็จะแทบไม่มีโอกาส จึงได้แสดงความจำนงต่อคณะกรรมการสรรหา และผู้บริหารพรรค ขอสละสิทธิเสนอชื่อใน ส.ส.บัญชีรายชื่อ วันนี้พรรคจะมีการพิจารณาบัญชีรายชื่อกันใหม่อีกครั้ง

ศ.ดร.นฤมล ภิญโญ สินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ แถลงขะสละไม่ลงสส.ในระบบปาร์ตี้ลิสต์ หรือสส.ระบบบัญชีรายชื่อของ พปชร.

 

ถึงเวลาพรรคพลังประขารัฐต้องผลัดใบ ให้พลังใหม่ได้เข้ามาทำงาน และการทำงานทางการเมืองไม่ได้มีเพียง สส. ยังมีงานอีกมากมายที่สามารถช่วยพรรค ช่วยผู้สมัคร และรับใช้ประชาชน ที่สำคัญที่สุด คือ อุดมการณ์ทางการเมือง เพราะสำหรับตนการทำงานการเมือง คือการเสียสละ ไม่ใช่การเอาชนะ และไม่ใช่การยึดติดในตำแหน่งแห่งที่ แหม่มเชื่อเสมอว่า เมื่อเราไม่ยึดติด เราจะมีอิสระทางความคิด ซึ่งนำไปสู่อิสระในการตัดสินใจในทุกๆ เรื่องเพื่อส่วนรวม

 

ไม่ไปไหน เป็นแม่ทัพ กทม. 

 

เมื่อถามถึงอนาคตการเมืองหลังจากที่สละไม่ลง สส.ปาร์ตี้ลิสต์ จะยังอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ และจะช่วยงานอย่างไร ศ.ดร.นฤมล กล่าวว่า จะช่วยงานอย่างอื่น เพราะมีความรับผิดชอบกับบุคคลที่พาเข้ามาทำงานกับพรรค และเสียใจที่ไม่สามารถทำให้ทุกคนได้สมหวังในการลงรับสมัครเลือกตั้ง ที่เป็นผลมาจากการแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ และเกิดพื้นที่ทับซ้อนที่ทำให้เกิดผลกระทบ เพราะเป็นความรับผิดชอบของเราที่ต้องนำพาเขาไปสู่การเลือกตั้ง แต่ยังช่วยงานสนับสนุนคนรุ่นใหม่ให้สมหวัง แล้ววันนี้ยังเป็นแม่ทัพในกทม.และขึ้นเวทีปราศรัยได้ไม่มีใครห้าม

 

เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่าสาเหตุเป็นเพราะลำดับปาร์ตี้ลิสต์ อยู่ลำดับที่ 20 ทำให้เกิดความไม่พอใจ หรือไม่ ศ.ดร.นฤมล ชี้แจงว่า ไม่มี และการประชุมพรรค วันที่ 22 มี.ค.ที่มีชื่อของตนอยู่ในลำดับตามที่เป็นข่าวและเป็นตามนั้นจริงๆ แต่เมื่อมองลำดับ 20-30 อันดับแรก ไม่เห็นคนรุ่นใหม่ที่ตั้งใจ ทุ่มเททำงานให้พรรค จะมีโอกาสเข้ามาทำงาน ถ้าเราไม่ถอย ไม่เสียสละ ถ้าคิดว่าเป็นผู้บริหารต้องได้ลำดับต้น คนรุ่นใหม่จะไม่มีทางเข้ามาได้ และหลายพรรคการเมืองก็เป็นลักษณะที่คล้ายกัน จึงอยากให้เขาเข้ามามีโอกาสทำงานการเมืองแต่โอกาสจะเป็นไปได้น้อยถ้าไม่เสียสละ ส่วนคนรุ่นใหม่ที่ต้องการให้อยู่ในบัญชีรายชื่อต้องหารือกับกรรมการสรรหาก่อนว่าจะเป็นใคร และตนได้เสนอชื่อไปและตนได้เสนอชื่อไปแล้ว เป็นคนที่ทำงานมาร่วมกัน

 

หากพรรคจัดลำดับให้ขยับมาอยู่ 1-3 จะเปลี่ยนใจหรือไม่ ศ.ดร.นฤมล อธิบายว่า ไม่เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวหากดูจากการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว พรรคพปชร.ได้สส.ปาร์ตี้ลิสต์ 19 คน ครั้งนี้คาดว่าจะได้ใกล้ๆเดิม หากอยู่ในลำดับ10-20 ก็มีโอกาสเข้าสภาทั้งสิ้น และพล.อ.ประวิตร ไม่ได้คัดค้านโดยระบุว่าตามใจ

 

ยอมรับลำบากใจจัดผู้สมัคร สส.ลง 33 เขตกทม.

ทั้งนี้ หากผลเลือกตั้ง66 พรรคพปชร.ได้กลับมา 12 ที่นั่งในกทม. จะส่งผลต่ออนาคตของหรือไม่นั้น ตนยังไม่ได้คุยอะไรในเรื่องนี้ เพราะแค่จัดผู้สมัครลง 33 เขต ก็ลำบากใจแล้ว

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า การเสียสละครั้งนี้จะช่วยให้คนรุ่นใหม่ได้เข้ามาทำงานจริงหรือเป็นแค่การเปิดช่องให้กับเด็กของคนบางกลุ่มเข้ามาทำงาน ศ.ดร.นฤมล กล่าวว่า ได้ฝากกรรมการสรรหาพิจารณาและให้โอกาสคนรุ่นใหม่ แต่ท้ายที่สุดต้องเคารพมติของกรรมการ

 

สำหรับการจัดผู้สมัครในระบบปาร์ตี้ลิสต์เป็นบ้านใหญ่เป็นคนของใคร หมายถึงใคร ศ.ดร.นฤมล กล่าวว่า ที่พูดหมายถึงตัวเอง เพราะการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ที่ตนชี้แจงว่าที่มาทางการเมืองมาได้อย่างไรและไม่ได้มาจากตระกูลบ้านใหญ่ แต่ได้รับความเมตตาจากผู้บริหารพรรคในขนาดนั้น ยังสำนึกในพระคุณมาตลอด

 

เมื่อถามว่ามีเหตุผลอื่นที่ขอสละไม่ลงสส.ปาร์ตี้ลิสต์ นอกจากที่มีความคับข้องใจหรือไม่ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ไม่ได้คับข้องใจอะไร ขอย้ำว่าเหตุผลเพราะอยากให้คนรุ่นใหม่ต้องการเข้ามาทำงานการเมืองจริงๆ ตนคุยกับคนรุ่นใหม่มาตลอดว่าต้องการเปิดให้ได้เข้ามาทำงานทางการเมือง ถ้าไม่มีช่องทาง จะไม่เห็นภาพคนรุ่นใหม่มาทำงานกับพรรคพปชร. หลายคนที่เสียสละลาออกจากงานมาทำงานให้โดยไม่ได้อะไรเลย แต่มาทำงานด้วยความหวังดีกับพรรคและประชาชน และถ้าคนรุ่นใหม่ได้มาเป็นตัวแทนก็จะเป็นประโยชน์กับพปชร. หากมีคะแนนเสียงและมีความนิยมก็จะทำให้คนเลือกพรรคมากขึ้น

 

เมื่อถามว่าได้แจ้งให้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก่อนตัดสินใจสละลงปาร์ตี้ลิสต์หรือไม่ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า แจ้งแล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่าเมื่อสละการลงปาร์ตี้ลิสต์ จะยังทำงานอยู่กับพรรคพปชร.หรือไม่ ศ.ดร.นฤมล กล่าวว่า ตนยังมีความรับผิดชอบ เพราะทิ้งคนไว้กลางทางไม่ได้

 

เมื่อถามย้ำว่าจะลาออกจากตำแหน่งเหรัญญิกพรรคด้วยหรือไม่ ศ.ดร.นฤมลกล่าวว่า ขณะนี้ยัง เมื่อถามว่าแล้วในอนาคต จะตัดสินใจอย่างไร นางนฤมลกล่าวว่า ยังไม่ได้ตัดสินใจในเรื่องนี้ เมื่อถามว่าการประกาศสละลำดับบัญชีรายชื่อจะส่งผลกระทบในช่วงเวลานี้ที่ใกล้เลือกตั้งหรือไม่ ศ.ดร.นฤมล ระบุว่า เป็นเรื่องดีเพราะจะสร้างบรรทัดฐานของนักการเมืองพรรคพปชร.ว่าเราไม่ได้ยึดติดและพร้อมเสียสละให้คนอื่นได้มีโอกาส และคิดว่าการแถลงข่าววันนี้เชื่อว่าไม่สูญเปล่าและจะทำให้ผู้สมัครมีกำลังใจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีให้กับผู้สมัคร

 

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีใครทาบทามให้ย้ายพรรค ไปร่วมงานด้วยหรือไม่ ศ.ดร.นฤมล กล่าวว่ายังไม่มี ตนเกิดมาจากพรรคพปชร. ถ้าไม่ได้โอกาสจากผู้บริหารคงไม่ได้ทำงานมาถึงวันนี้ ถ้าจะทิ้งต้องมีสำนึกในสิ่งที่เราเคยได้รับมา และไม่มีใครกดดัน

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในระหว่างที่ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญ สินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ แถลงข่าวได้มีน้ำตาคลอเมื่อเล่าถึงอดีตที่มาที่ได้รับโอกาสทำงานทางการเมืองจากผู้บริหาร ขณะที่แกนนำพรรค อาทิ นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค และพล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงศ์ กรรมการบริหารพรรค ยืนฟังตลอดการแถลงโดยไม่ได้แสดงความเห็นใด ๆ

ศ.ดร.นฤมล ภิญโญ สินวัฒน์ บอกว่าไม่ทิ้งพปชร.

ศ.ดร.นฤมล ภิญโญ สินวัฒน์ บอกว่าไม่ได้รับแรงกดดันแต่อยากเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่มาทำงานการเมือง