สวมแว่นวิชาการ วิเคราะห์จุดแข็ง - จุดอ่อน พรรคการเมือง ในศึก เลือกตั้ง2566
นักรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยรังสิต วิเคราะห์ภาพรวมทางเมืองของแต่ละพรรค ระบุ จุดอ่อนเพื่อไทย มีภาพตระกูลเจ้าของ ด้าน ก้าวไกล เกมเพดานสูง - ปาร์ตี้ลิสต์ลด ส่งผลกระทบ
นับตั้งแต่กลองศึกการเลือกตั้ง2566 ดังขึ้น การเมืองไทยก็คึกคัก แต่ละพรรคการเมือง ระดมหาเสียงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการดีเบตแสดงวิสัยทีศน์ที่เข้มข้น ดุดันไม่เกรงใจใครในแต่ละเวที ซึ่งทุกอย่างจะกลายมาเป็นข้อมูลให้ประชาชนตัดสินใจในการจะลงคะแนนให้ในวันที่ 14 พ.ค. ที่จะถึงนี้
ในการเลือกตั้งที่คึกคักเช่นนี้ แต่ละพรรคการเมือง มีทั้งจุดแข็งและจุดอ่อน สะท้อนเดิมพันใครจะจัดตั้งรัฐบาลในอนาคต
ผศ.ดร.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ได้วิเคราะห์และประเมินภาพรวมพรรคการเมืองอย่างน่าสนใจ สะท้อนภาพแต่ละพรรคการเมืองอย่างชัดเจน
พรรคเพื่อไทย ได้รับการคาดหมายว่าในการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นพรรคที่ได้คะแนนการเลือกตั้งมาเป็นอันดับ 1 ส่วนจะแลนด์สไลด์หรือไม่ ก็มีหลายปัจจัย อย่างแรกความเข้มแข็งยังเหมือนเดิมหรือไม่ ด้วยการที่มีสส.ออกไปอยู่กับพรรคการเมืองอื่นนั้น ยังจะมีมนต์ขลังอยู่หรือไม่ เพราะเพื่อไทยผูกติดกับตระกูลชินวัตรอย่างแยกกันไม่ออก และพรรคเพื่อไทยก็สะสมนโยบายแคมเปญผลงานในอดีต การแก้ไขเศรษฐกิจแม้จะถูกกล่าวหาว่าเป็นเชิงประชานิยม แต่เป็นเรื่องของปากท้องประชาชนที่สามารถเข้าถึงได้ทุกครั้ง ภาพตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน จนมาถึงพรรคเพื่อไทย
ถือว่าเป็นแต้มต่อทางการเมืองอย่างหนึ่ง ซึ่งถือเป็นจุดแข็งและมีบุคลากรที่มีความหลากหลาย แต่ในขณะเดียวกันแม้จะเป็นจุดแข็งแต่ก็เป็นจุดอ่อนอยู่ในที ตระกูลชินวัตรเปรียบเสมือนเจ้าของหรือมีอำนาจอยู่ภายในพรรค ก็ทำให้สามารถถูกโจมตีได้อีกด้านหนึ่ง และคะแนนในฝ่ายของอนุรักษ์นิยมก็จะไม่มีทางที่จะเทมาให้กับทางพรรคเพื่อไทย ด้วยมีความหวาดระแวงหรือมีความกังวลถ้าคุณทักษิณชินวัตรจะกลับประเทศไทยโดยไม่ถูกดำเนินคดี
ส่วนพรรคก้าวไกล หลายครั้งที่ผ่านมาในการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรนั้น ถือว่าเป็นจุดแข็งในการหาข้อมูลในการอภิปรายไม่ว่าจะเป็นศึกซักฟอกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ถือว่าโดดเด่นกวาดทุกพรรคการเมืองที่เป็นพรรคร่วมฝ่ายค้านด้วยกันมีความหนักแน่นเรื่องข้อมูล และมีความหลากหลายในเรื่องอาชีพ ซึ่งภาพลักษณ์ของ ก้าวไกล แตกต่างจากพรรคอื่นๆ ที่มีภาพของนายทุนทางการเมือง ภาพลักษณ์ที่มีถูกจริตคนชั้นกลาง หรือคนรุ่นใหม่ และแนวคิดที่ค่อนข้างจะล้ำหน้า ล้ำยุค ซึ่งอาจจะกระทบต่อความรู้สึกหวั่นไหว ของผู้ที่มีแนวคิดฝ่ายอนุรักษ์ จุดแข็งที่ต้องการปฏิรูปไปรอบด้าน ซึ่งรวมไปถึงการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ การเล่นเกมเพดานสูงลักษณะนี้ ก็กลายเป็น บูมเมอรแรง ที่สะท้อนกลับมายังพักก้าวไกลในเรื่องของเจตนาต่างๆ ซึ่งอาจจะนำไปสู่การฟ้องร้องได้ในอนาคต รวมไปถึงการตีความต่างๆ
ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นจุดอ่อนของพรรค ในเรื่องการแสดงออกของพรรคก้าวไกล บางครั้งถูกตีความว่าก้าวร้าว ในขณะเดียวกันก็สามารถตีความได้ว่าเป็นความคิดเชิงก้าวหน้า แม้จะมีจุดแข็งในเรื่องนโยบายที่น่าสนใจ แต่จุดอ่อนของพรรคก้าวไกลนั้นไม่มีหัวคะแนน ไม่มีการจัดตั้งหัวคะแนนในการเมืองแบบไทยๆ คะแนนเสียงที่ได้มาจากกระแสความนิยมของการเลือกตั้งในปี 2562 ก็อาจจะไม่เหมือนกัน จากเดิมในการเลือกตั้งปี 2562 ขณะที่ยังเป็นพรรคอนาคตใหม่สามารถกวาดสส. ได้ในการเลือกตั้งแบ่งเขต 30 ที่นั่ง คาดว่าไม่น่าจะได้ถึงเป้าขณะเดียวกันในเรื่องของส.สบัญชีรายชื่อหรือปาร์ตี้ลิสต์ก็น่าจะได้ไม่ถึง 50 เสียงเพราะจำนวนปาร์ตี้ลิสต์ เหลือเพียงแค่ 100 ที่นั่งเท่านั้นจากเดิม 150 เสียงซึ่งจะมีผลทำให้พรรคก้าวไกลเสียเปรียบอย่างมาก
ด้านฝ่ายรัฐบาลเดิม เริ่มต้นกันที่ พรรคพลังประชารัฐ มีความพยายามที่จะรีแบรนด์ตัวเองชูตัวพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ซึ่งเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีและมีภาพของความปรองดอง มีความพยายามช่วงชิงคะแนนเสียงมาจากทุกฐานการเมือง แม้ในภาพรวมพล.อ.ประวิตร อาจจะไม่สามารถสู้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้แต่พล.อ.ประวิตร มีเสน่ห์ต่อนักการเมือง เป็นคนที่มีบุคลิกภาพยืนยันสัญญาคำไหนคำนั้น พยายามประนีประนอมกับทุกขั้วอำนาจทางการเมือง แม้จะถูกดึงดูด สส.ในพรรคออกไปจำนวนไม่ใช่น้อย แต่ตระกูลทางการเมืองใหญ่ๆก็ยังอยู่กับพรรค แล้วเรื่องของจุดอ่อนของพลังประชารัฐแม้จะมีความพยายามที่จะรีแบนด์แต่ยังไม่สามารถที่จะเอาชนะใจคนชั้นกลางคนในเมืองได้ เพราะด้วยภาพลักษณ์ของพล.อ.ประวิตร ที่ถือว่าสูงวัยรับประกอบกับนโยบายของพรรคจากการเลือกตั้งปี 2562 ไม่สามารถทำได้จริงจึงเกิดความไม่เชื่อมั่น
ส่วน พรรครวมไทยสร้างชาติ จุดแข็งของพรรคก็คือการชูไปยังพล.อ.ประยุทธ์จั นทร์โอชา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แต่ในขณะเดียวกันความเป็นจุดแข็งก็เป็นจุดอ่อนไปในตัว การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาเป็นระยะเวลานาน 8-9 ปีคนทั่วไปก็เกิดอาการเบื่อ ความสดใหม่ก็ไม่สามารถที่จะสู้กับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมืองอื่นๆได้ รวมไทยสร้างชาติ เป็นการรวมตัวกันของกลุ่มฝ่ายอนุรักษ์นิยม จะว่าเป็นขวาจัดสุดโต่งก็ว่าได้ ยังไม่มีความโดดเด่นในเรื่องของนโยบายทางเศรษฐกิจแต่พยายามที่จะชูความโดดเด่นในเรื่องของตัวพล.อ.ประยุทธ์ เป็นหลัก แต่เรื่องของคะแนนนิยมก็ไม่น่าจะใช้ได้อย่างเช่นวลีเรื่องความสงบจบที่ลุงตู่ ก็ไม่น่าจะใช้ได้อีกแล้ว หรือการแสดงตัวในอีกบทบาทของ พล.อ.ประวิตร ด้วยความที่จะก้าวข้ามความขัดแย้ง ความพยายามของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็คือการรวบรวมคะแนนเสียงฝ่ายอนุรักษ์นิยมไว้ที่ตัวเองทั้งหมด แต่สส.ที่ได้ย้ายเข้าร่วมสังกัดพรรคตาม พล.อ.ประยุทธ์ มาส่วนใหญ่เป็นสส.เกรดD ความต้องการที่จะหวังคะแนนเสียงจากสส. แบบแบ่งเขตและปาร์ตี้ลิสต์นั้น เป็นเรื่องที่ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะได้มากน้อยขนาดไหน โดยเฉพาะในภาคใต้และกรุงเทพมหานคร
ด้าน พรรคภูมิใจไทย มีการดึงตัวสส. แบบแบ่งเขตเข้ามาร่วมจำนวนมาก ทำให้คาดการณ์ว่าคะแนนเสียงของภูมิใจไทยจะก้าวกระโดดจากการเลือกตั้งปี 2562 อย่างแน่นอน และนโยบายที่ผ่านมาก็สามารถทำตามบรรลุเป้าได้ แม้จะถูกวิพากษ์วิจารณ์เช่น นโยบายกัญชาเสรี ถ้าเป็นหนึ่งในพรรคการเมืองที่สามารถทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ได้ จุดอ่อนของภูมิใจไทยจะถูกมองว่าเป็น พรรคภูมิภาคนิยม เป็นพรรคต่างจังหวัด จริตของคนชนชั้นกลางในเมือง ยังมีความไม่ไว้วางใจภาพของ นายเนวิน ชิดชอบ และ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ซักเท่าไหร่นัก แม้จะมีความพยายามทำการเมืองในกรุงเทพฯ มีการทำนโยบายเพื่อเอาใจคนชนชั้นกลางในเมืองมากขึ้นก็ตาม ภูมิใจไทย จะเป็นพรรคการเมืองที่มีลักษณะก้าวกระโดดแต่ในเรื่องของจุดอ่อนนั้นก็คือในเรื่องกระแสที่ถูกทางนายชูวิทย์ กมลลวิศิษฏ์ โจมตี แต่ก็ยังมีเรื่องของการทำงานของตัว นายอนุทิน ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในช่วงสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา การทำงานนั้นมีความเป็นเอกภาพและเป็นรูปธรรม รวมทั้งการสร้างโครงข่ายขั้นพื้นฐานของกระทรวงคมนาคมและก็เชื่อมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งทั้งหมดอยู่ในความรับผิดชอบของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งมีเนื้องานเป็นลักษณะในเชิงก้าวหน้า
ขณะที่ พรรคประชาธิปัตย์ อาจารย์วันวิชิต มองว่า ต้องขุดของเก่ามาใช้งาน ซึ่งจากการประเมินนั้นเชื่อว่าก็คงจะไม่ได้ตัวเลขเท่ากับการเลือกตั้งปี 2562 ดังนั้นการใช้งานอดีตนายกรัฐมนตรีของพรรคไม่ว่าจะเป็น นายชวน หลีกภัย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รวมถึงอดีตหัวหน้าพรรค นายบัญญัติ บรรทัดฐาน มาช่วยหาเสียงก็ถือว่าจะช่วยได้มาก โดยเฉพาะตัวใน นายอภิสิทธิ์ จะช่วยดึงคะแนนเสียงในฝ่ายอนุรักษ์นิยมมาจากทั้ง รวมไทยสร้างชาติ และ พลังประชารัฐ จึงประเมินว่าเสียงของประชาธิปัตย์ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ในการเลือกตั้งครั้งนี้จะไม่สูญพันธุ์ ดังนั้นจึงจะต้องมีการปลุกผีโดยเฉพาะในเรื่องของพรรคภูมิภาคนิยมโดยเฉพาะในภาคใต้ ก็จะสามารถได้ตัวเลขที่น่าสนใจได้
นอกจากนี้อาจารย์วันวิชิตยังได้วิเคราะห์ภาพรวมทางการเมือง ในประเด็นเรื่องของบ้านใหญ่หรือตระกูลทางการเมืองในภูมิภาคว่า พวกตระกูลทางการเมืองเขาเข้าใจระบบและปัญหาในท้องถิ่นตัวเองอย่างลึกซึ้ง ควบคุมกลไกการปกครองส่วนท้องถิ่นไว้ได้ ในเรื่องของการวางตัวบุคคล เครือข่ายเครือญาติ การฝังตัวในลักษณะที่ยาวนาน ที่สำคัญด้วยระบบการเมืองของไทย มีความผูกพันในลักษณะปัจเจก มีเรื่องของบุญคุณและความผูกพัน และได้มีการร่วมกันในกิจกรรมของชุมชน ไม่ว่าจะเป็นงานบวช งานแต่ง งานศพต่างๆ ก็ถือว่าเป็นความผูกพัน ที่ต่อเนื่องและตระกูลทางการเมืองเหล่านี้ ก็มีการแตกหน่อในการที่ส่งลูกหลานไปเรียนยังต่างประเทศ ซึ่งก็ทำให้รู้งานมีการพัฒนาทั้งในรูปแบบเก่าและรูปแบบใหม่ และนำมาปรับใช้ ดังนั้นคนทั่วๆไปที่ไม่มีระบบฐานทางการเมือง ไม่มีหัวคะแนนมาก่อน แม้ว่าจะมีภาพลักษณ์ที่ดี มีนโยบายที่ดี ก็อาจจะไม่ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจ ดังนั้น พวกตระกูลทางการเมือ งก็จะสามารถตอบสนอง และได้รับการยอมรับของประชาชน ได้ดีกว่านักการเมืองหน้าใหม่