เปิดผลเนชั่นโพล รอบ 2 'พิธา' แซง 'อุ๊งอิ๊ง' เพื่อไทยผงาด สส.เขต+ปาร์ตี้ลิสต์
เลือกตั้ง66 : เปิดผลสำรวจเนชั่นโพล ล่าสุด ครั้งที่ 2 พร้อมบทวิเคราะห์ แคนดิเดตนายกฯ 'พิธา แซง อุ๊งอิ๊ง' แต่คะแนน สส.ทั้งเขตและปาร์ตี้ลิสต์ เพื่อไทยยังแกร่ง ส่วน 'ลุงตู่' ยื่นหนึ่งในพื้นที่ภาคใต้
ผลสำรวจเนชั่นโพลครั้งที่ 2 "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จากพรรคก้าวไกล ทำคะแนนแซง "อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร" แต่ทว่าพรรคเพื่อไทย ยังคงนำโด่งมีโอกาสชนะเลือกตั้งแบบถล่มทลายในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ มาตั้งแต่ผลสำรวจเนชั่นโพลทั้งสองรอบ ไม่มีปาฏิหาริย์ให้กับพรรคอื่นแน่ แม้ว่าพรรคก้าวไกลจะมาแรงในช่วงท้ายก็ตาม
เนชั่นโพลครั้งที่ 2 ทำการสำรวจจากกลุ่มตัวอย่าง 114,457 ตัวอย่างระหว่างวันที่ 24 เม.ย. - 3 พ.ค. ในพื้นที่เขตเลือกตั้งทั่วประเทศ 367 เขต( 78,214 ตัวอย่าง) และ กรุงเทพมหานคร ซึ่งทำการสำรวจระหว่างวันที่ 28 เม.ย. - 3 พ.ค. (36,243 ตัวอย่าง) มีค่าความคลาดเคลื่อน 3% ใน33 เขตของกทม. 5% ในเขตเมืองสำคัญต่างจังหวัด 8 เขต และ 7% ในเขตเลือกตั้งที่เหลืออีก 359 เขต
(ถ่ายทอดสด เปิดเผลเนชั่นโพล ครั้งที่ 2 ชมสดทางเนชั่นทีวี คลิก )
ผลสำรวจของเนชั่นโพล วิเคราะห์เมื่อวันที่ 4 พ.ค. 2566 มีรายละเอียดที่น่าสนใจหลายประการดังนี้
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ก้าวขึ้นมานำแพทองธาร ชินวัตร ในตำแหน่ง แคนดิเดต (candidate) ที่คนอยากให้เป็นนายกรัฐมนตรีทั่วประเทศ จากที่เคยตามหลังอยู่ 17% จากผลสำรวจเนชั่นนโพลรอบแรก เมื่อสองสัปดาห์ก่อน
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังเป็นอันดับหนึ่งในภาคใต้ 11 จังหวัดที่คนอยากให้เป็นนายกรัฐมนตรี รองลงมาคือพิธาจากพรรคก้าวไกล
ขณะที่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ (ปัตตานี ยะลา นราธิวาส) นายวันมูฮัมหมัดนอร์มะทา พรรคประชาชาติคือคนที่ประชาชนในพื้นที่นี้อยากให้เป็นนายกรัฐมนตรีมากที่สุด
โดยผลสำรวจเนชั่นโพล ครั้งที่ 2 'คนไทยอยากได้ใครเป็นนายกฯ' ผลสำรวจมีดังนี้
- พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ 29.37%
- แพทองธาร ชินวัตร 27.55%
- เศรษฐา ทวีสิน 13.28 %
- พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 8.85%
- ยังไม่ตัดสินใจ 5.35 %
- อนุทิน ชาญวีรกูล 4.05%
- จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ 2.49%
- พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ 2.38 %
- ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ 1.66 %
- วันมูหะมัดนอร์ มะทา 1.56 %
- คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ 1.23%
- พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส 1.11 %
- วราวุธ ศิลปอาชา 0.5%
- กรณ์ จาติกวณิช 0.38%
เลือก สส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ในสังกัดพรรคใด มีผลสำรวจดังนี้
- เพื่อไทย 38.48%
- ก้าวไกล 28.03%
- ยังไม่ตัดสินใจ 8.67%
- รวมไทยสร้างชาติ 6.8 %
- ภูมิใจไทย 5.62%
- ประชาธิปัตย์ 4.3%
- พลังประชารัฐ 3.65%
- ประชาชาติ 1.45 %
- ไทยสร้างไทย 0.97 %
- เสรีรวมไทย 0.79 %
- ชาติไทยพัฒนา 0.69%
- ชาติพัฒนากล้า 0.34%
- อื่นๆ 0.13%
- เพื่อชาติ 0.04%
- ประชาธิปไตยใหม่ 0.03%
เลือก สส. แบบบัญชีรายชื่อ ในสังกัดพรรคใด ผลสำรวจออกมาดังนี้
- เพื่อไทย 39.83%
- ก้าวไกล 29.18%
- รวมไทยสร้างชาติ 7.45%
- ยังไม่ตัดสินใจ 7.09%
- ภูมิใจไทย 4.84%
- ประชาธิปัตย์ 3.97%
- พลังประชารัฐ 3.18%
- ประชาชาติ 1.48%
- ไทยสร้างไทย 0.99%
- เสรีรวมไทย 0.82%
- ชาติไทยพัฒนา 0.68%
- ชาติพัฒนากล้า 0.34%
- ไทยภักดี 0.07%
- อื่นๆ 0.05%
- ไทยศรีวิไลย์ 0.05%
จำนวนเขตเลือกตั้งที่พรรคนั้น ๆ มีคะแนนนำ (ยังไม่ได้หมายถึงผู้ชนะเด็ดขาดในแต่ละเขต)
- เพื่อไทย 248 เขต
- ก้าวไกล 78 เขต
- ไม่แน่ใจ/ยังไม่ตัดสินใจ 18 เขต
- ประชาธิปัตย์ 15 เขต
- ภูมิใจไทย 12 เขต
- ประชาชาติ 12 เขต
- รวมไทยสร้างชาติ 7 เขต
- พลังประชารัฐ 5 เขต
- ชาติไทยพัฒนา 4 เขต
- ชาติพัฒนากล้า 1 เขต
รวมทั้งหมด 400 เขต ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามค่าความคลาดเคลื่อนของการสำรวจ และมีแง่มุมที่น่าสนใจประกอบด้วย
บทวิเคราะห์เนชั่นโพล
กรณีที่พรรคฝั่งเสรีนิยมที่เป็นตัวแปร ได้แก่
- เพื่อไทย มีโอกาสลงมาในระดับ 229 เขต
- ก้าวไกล มีโอกาสลงมาในระดับ 52 เขต
(หมายถึงเขตที่สูสีกัน เพื่อไทย หรือก้าวไกลตกเป็นอันดับ 2 ในเขตเหล่านั้นทุกเขต)
พรรคฝั่งอนุรักษ์นิยมที่เป็นตัวแปร หากรวมคำตอบในส่วน ไม่แน่ใจ/ยังไม่ตัดสินใจ ที่มาเป็นอันดับ 1 ของเขตนั้น ๆ ซึ่งอาจมีเพิ่มได้ถึง 23 เขต
- ประชาธิปัตย์ มีโอกาสขยับขึ้นระหว่าง 19 ถึง 42 เขต
- รวมไทยสร้างชาติ มีโอกาสขยับขึ้นระหว่าง 13 ถึง 36 เขต
- ภูมิใจไทย มีโอกาสขยับขึ้นระหว่าง 16 ถึง 39 เขต
- พลังประชารัฐ มีโอกาสขยับขึ้นระหว่าง 6 ถึง 29 เขต
ขณะที่พรรคชาติไทยพัฒนา มีโอกาสขยับขึ้นระหว่าง 4 ถึง 27 เขต แต่มีเงื่อนไขว่าพรรคนั้น ๆ ต้องช่วงชิงเขตที่ ไม่แน่ใจ/ยังไม่ตัดสินใจมาเป็นของตนให้ได้
พรรคก้าวไกลคือ ตัวตึงการเลือกตั้งระบบเขตในครั้งนี้อย่างแท้จริง จากผลสำรวจเนชั่นโพลรอบนี้ ถือเป็นการผงาดขึ้นมาในระบบเขตของพรรคก้าวไกลในทุกภูมิภาค
พบว่าพรรคก้าวไกลสามารถเจาะเขตของพรรคเพื่อไทยในภาคเหนือและภาคอีสานได้หลายเขต เจาะเขตภาคใต้ของพรรคประชาธิปัตย์และรวมไทยสร้างชาติได้บางเขต
การเมืองบนฐานวัฒนธรรมยังมีบทบาทนำในพื้นที่พิเศษกลุ่ม 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื่องจากพบว่าพรรคประชาชาติสามารถขยายผลในการครองเขตเลือกตั้งเกือบทุกพื้นที่
เกิดปรากฏการณ์ เสาไฟฟ้าหัก และเสาโทรเลขเสียบแทน ในภาคใต้ 11 จังหวัด พบว่า เขตที่พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยแซงพรรคฝั่งอนุรักษ์นิยมนั้น จะเป็นเขตที่ฝั่งอนุรักษ์นิยมตัดกันเองจำนวนมาก โดยเฉพาะการตัดฐานเสียงกันระหว่างพรรคประชาธิปัตย์และพรรครวมไทยสร้างชาติ
แนวโน้มจากผลโพลพบว่าพรรคขั้วอนุรักษ์นิยมเดิมแม้จะมีความนิยมสูงมากในพื้นที่ แต่เมื่อแข่งกันเองจึงตัดฐานเสียงกันและกัน ทำให้สัดส่วนฐานเสียงแตกกันกระเจิง พรรคก้าวไกลที่มีความนิยมเพิ่มขึ้นมาจึงพลิกแซงนำในหลายเขต
แต่ถ้าหากนับรวมฐานเสียงฝั่งอนุรักษ์นิยมรวมกันทั้งหมด ยังมีมากกว่าฝั่งเสรีนิยมรวมกัน ประมาณสองเท่าตัวในพื้นที่ 11 จังหวัดภาคใต้
เกิดปรากฏการณ์บ้านใหญ่ฝั่งอนุรักษ์นิยมกุมขมับทั่วไทย ประสบภาวะล่มสลาย จะมีที่ยกจังหวัดฝ่ากระแสมาได้ เช่น พะเยา สุพรรณบุรี เมืองหลวงพรรคการเมืองสำคัญถูกตีแตกทุกแห่ง
อาทิ บุรีรัมย์ของภูมิใจไทย เชียงใหม่ของเพื่อไทย สงขลาของประชาธิปัตย์ สุพรรณบุรีของชาติไทยพัฒนา เจ้าของพื้นที่ เริ่มสั่นคลอน ขณะที่พรรคก้าวไกล มีโอกาสชนะเลือกตั้งแบบยกจังหวัด
มีเพียงสองพรรคที่ครอบครองการนำในพื้นที่ 33 เขตในกรุงเทพมหานคร ได้แก่ เพื่อไทยและก้าวไกล โดยพรรคเพื่อไทยมีสัดส่วนในการเป็นพรรคนำของเขต มากกว่าก้าวไกล
กลุ่มคนที่ไม่ตัดสินใจเลือก สส.ระบบเขตเลือกตั้งลดลงอย่างมากในการสำรวจโพลรอบสองเมื่อเทียบกับการเก็บข้อมูลเนชั่นโพลรอบแรก โดยลดลงเหลือ 8.62% จากเดิมราว ๆ 32 %
เป็นไปตามทฤษฎีการเลือกตั้งที่ยิ่งใกล้วันเลือกตั้ง ผู้ลงคะแนนจะยิ่งมีความชัดเจนในการตัดสินใจ แต่ในแง่ความมั่นคงในการตัดสินใจเลือก ยังมีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้จนถึงวันลงคะแนนจริง
ฝั่งอนุรักษ์นิยมวางยุทธศาสตร์ผิดพลาดของที่ไม่สามารถสมานสามัคคีทางยุทธศาสตร์เลือกตั้งตั้งแต่แรกเริ่ม แต่มุ่งแข่งขันกันเองจนทำให้ภาพรวมจำนวน สส.ระบบเขตได้รับผลกระทบอย่างหนัก ปรากฏชัดเจนจากการที่ภาคใต้ 11 จังหวัด คะแนนตัดกันเองระหว่างประชาธิปัตย์ รวมไทยสร้างชาติ พลังประชารัฐ หลายเขต
หลายเขตเลือกตั้งในต่างจังหวัดคะแนนอันดับหนึ่งและสองหรือสามห่างกันไม่เกิน 7% ตามค่าความคลาดเคลื่อน การสำรวจโพลรอบนี้ นั่นหมายความถึงช่วงโค้งสุดท้ายในอีก 11 วันที่เหลือ สามารถพลิกผันได้ทุกเมื่อ
ข้อสังเกตจากทีมลงพื้นที่ พบว่ามีคนจำนวนมากให้ข้อมูลในระดับที่มีนัยสำคัญว่ายังมีเวลาอีกหลายวันกว่าจะถึงวันเลือกตั้ง จึงรอดูก่อนว่าใครให้มากกว่า ดังนั้นปัจจัยธนกิจการเมือง (money politics) ยังปรากฏอยู่ในการเลือกตั้งครั้งนี้และอาจเป็นตัวแปรหนึ่งในการเปลี่ยนเกมชิงความได้เปรียบช่วงโค้งสุดท้าย
ระยเวลาหลังการทำโพลจนถึงวันเลือกตั้งยาวนานเพียงพอที่พรรคการเมืองต่าง ๆ จะแก้เกมส์เพื่อดึงคะแนนเสียงสู่พรรคตนและเปลี่ยนผลคะแนนได้ จึงขึ้นกับว่าพรรคใดจะทำได้ดีกว่ากันในช่วงสัปดาห์สุดท้าย
แนวโน้มฐานเสียงข้ามขั้วเริ่มมีบ้างแล้วจากการสำรวจโพลรอบสอง ซึ่งอาจซ้ำรอยปรากฏการณ์ ชัชชาติแลนด์สไลด์ เมื่อปีที่แล้ว เพียงแต่ไม่ได้ตกอยู่กับพรรคใดพรรคหนึ่งแต่เป็นลักษณะขั้วใหญ่แทนนั่นคือปรากฏการณ์เสรีนิยมแลนด์สไลด์
ผลสำรวจของเนชั่นโพลรอบสองสรุปได้ว่า
แนวโน้มเป็นความพ่ายแพ้ของฝ่ายอนุรักษ์นิยมโดยสิ้นเชิง ขั้วฝ่ายเสรีนิยมก้อนใหญ่มีฐานเสียงที่เติบโตขึ้นจากเดิมในช่วงโค้งสุดท้าย รัฐบาลหลังการเลือกตั้ง ฝั่งเสรีนิยมมีโอกาสรวมกันเกิน 300 เสียง
“เนชั่นโพล ครั้งที่ 2” ประกาศณ วันที่ 5 พ.ค.66 สำรวจใช้ ตัวอย่างทั้งสิ้น จำนวน 115,399 ตัวอย่าง แบ่งเป็น กทม.จำนวน 35,969 ตัวอย่าง และภูมิภาค 79,430 ตัวอย่าง
[…การสำรวจในต่างจังหวัด 367 เขต ทีมลงพื้นที่สำรวจระหว่าง 24 เม.ย. - 3 พ.ค. และการสำรวจใน กทม. 33 เขต ทีมลงพื้นที่สำรวจระหว่าง 28 เม.ย. - 3 พ.ค. มีค่าความคลาดเคลื่อน (error) ดังนี้
กทม.33 เขต = 3% , เขตเมืองสำคัญต่างจังหวัด 8 เขต = 5% , เขตเลือกตั้ง 359 เขต = 7% ]