'เศรษฐา' ลั่น ไม่ยกตำแหน่ง 'นายกรัฐมนตรี' ให้ใคร
'เศรษฐา' เผยสาเหตุไม่ยกตำแหน่ง 'นายกรัฐมนตรี' ให้ใครนอกจาก 'เพื่อไทย' ขณะเดียวกันจับตาร่วมมือ 'ก้าวไกล' ตั้งรัฐบาล หลัง 'อุ๊งอิ๊ง' เปรย 'เกิดขึ้นได้'
เมื่อวันที่ 8 พ.ค. นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เปิดเผยในไลฟ์สดผ่าน Tiktok และ อินสตาแกรม "หมดเปลือกเพื่อไทย" โดยมี "มดดำ คชาภา" ดำเนินรายการ ถึงประเด็นการจับมือกับ 2 ป. ที่ประชาชนกังวล เลือกแล้วก็ยังไปจับมืออยู่ดี ยืนยัน ไม่เอารัฐประหาร ไม่เอา 2 ป.แน่นอน
ด้านน.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรือ อุ๊งอิ๊ง แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวเสริมว่า เรามีเกณฑ์ของพรรคคนที่จะจับมือ ต้องเห็นด้วยกับนโยบายเรา นายกรัฐมนตรีต้องมาจากเพื่อไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสำคัญต้องมาจากเพื่อไทย และเชื่อว่าที่มีกระแสข่าวออกมาตลอด เป็น 1 ในกิจกรรมทางการเมือง หาเรื่องดิสเครดิต ซึ่งพูดชัดเจนแล้ว คิดว่าควรเลิกตอบแล้ว เรามีกฎว่า จะร่วมกับใคร ตอนนี้รอแค่ผลการเลือกตั้ง และเพื่อไทยกับก้าวไกล เกิดขึ้นได้อยู่แล้ว เพราะเป็นพรรคฝ่ายค้านมาด้วยกัน ไม่เคยมีปัญหากัน สุดท้ายต้องรอผลการเลือกตั้ง
ขณะที่นายเศรษฐา ชี้แจงถึงสาเหตุไม่ยกตำแหน่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีให้ใครว่า รายชื่อของพรรคที่เสนอมา ก็ไม่ได้เป็นที่ปลาบปลื้มของประชาชนหากตนทำเช่นนั้น ก็ไม่มีที่ยืนในสังคม ตนพูดได้เต็มปาก ว่า เราผ่านการประชุม ทำงานหนัก ประชุมทุกวัน ถกดถียงกัน อยู่ดีๆ ยกให้คนอื่น "ไม่ได้"
ส่วนหากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี
อุ๊งอิ๊ง กล่าวว่า แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีทั้ง 3 คนพร้อมเป็น เราเคยถูกยุบพรรค 2 รอบ เคยถูกรัฐประหาร ขอให้กลับไปดูเส้นทางการเมือง 20 ปีที่ผ่านมา เสนอคนเดียวไม่ได้ ซึ่งพรรคไหนที่เสนอ 1 คน ก็จะไม่มีสิทธิ์เสนอชื่ออีก ทั้งนี้คุยตลอดกับนายเศรษฐาและนายชัยเกษม นิติสิริ เพราะเป้นงานใหญ่ ซ่อมทั้งประเทศ ไม่สามารถทำคนเดียวได้ คนอื่นอาจจะแย่งกัน แต่เราเชื่อมั่นและให้เกียรติซึ่งกันและกัน
นายเศรษฐา กล่าวว่า หากใคร accident ขึ้นมา อย่างน้อยก็ยังรับประกันว่ามีตัวแทนนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งตนก็ยินดีหรือหากอุ๊งอิ๊งเป็นนายกตนก็ยังเป็นที่ปรึกษา ในช่วงนี้นายเศรษฐาพูดติดตลกว่า คิดว่าคงไม่ปลดตนไปไหน และคนที่เพื่อไทยดูแลตนอย่างดี เชื่อว่าอุ๊งอิ๊งจะ support และเป็นพี่น้องที่คุยได้ทุกเรื่อง
ส่วนกระแสทำไมแคนดิเดตของพรรคเพื่อไทย ไม่ขึ้นเวทีดีเบต
นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องของกล้าไม่กล้า ขี้ขลาดไม่ขี้ขลาด การเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเรามีวิธีแสดงวิสัยทัศน์ในวิธีแตกต่างกันไป ตนเป็นคนหน้าใหม่และนโยบายมีความซับซ้อน ต้องทำความเข้าใจมีหลากหลายมิติ ต้องดูแลคนทุกชั้น ทุกกลุ่ม ทุกภาค เพราะฉะนั้นการออกไปพบปะพี่น้องประชาชนถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ได้ลงไปปราศรัยและพบปะประชาชน ที่สำคัญพบปะผู้นำทางด้านความคิด หอการค้าจังหวัด สภาอุตสาหกรรมต่างๆมีการพูดคุย ถกเถียงปัญหากันเยอะมาก หากให้ตนไปเถียงกับแคนดิเดตนายกอีกพรรคนึง เขาไม่ได้อะไรจากผม จึงต้องเจอพื้นที่จริงๆ ไปถกในเวทีดีเบตไม่ได้ช่วยกันแก้ปัญหาให้ประชาชน