แฉ ‘พิธา’ วางอุบายหุ้นไอทีวี ใช้แผน โยนกระเบื้องล่อหยก
แฉ ‘พิธา’ วางอุบายหุ้นไอทีวี ใช้แผน โยนกระเบื้องล่อหยก ‘สามารถ’ เชื่อ หวังตัดสิทธิ์ ปลุกม๊อบ สร้างกระแสพรรคใหม่
วันนี้ (10 พฤษภาคม 2566) นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยืนยันการพบข้อมูลว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ยังคงถือหุ้นบริษัทไอทีวี จำกัดมหาชน จนถึงปัจจุบัน โดยชื่อ นายพิธา ปรากฎในบัญชีรายงานผู้ถือหุ้นหลักทรัพย์ ลำดับที่ 6,121
อีกทั้งบริษัทไอทีวีก็ยังคงดำเนินกิจการเป็นสื่อโทรทัศน์ สถานะเป็นนิติบุคคล และเป็นบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์อยู่ และยังมีการส่งข้อมูลมาทางอีเมลล์ให้คนที่ถือหุ้น itv ให้โอนค่าธรรมเนียม จำนวน 9,518 บาท มายังเลขบัญชีของศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ประเทศไทยจำกัด ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาถนนวิทยุ ถ.วิทยุ พร้อมกับสแกนสำเนาการโอนมาไปยังอีเมล์อีกด้วย
นายสามารถ กล่าวด้วยว่า ต้องให้ความเป็นธรรมกับนายพิธา ได้ชี้แจงด้วย เพราะหากเป็นมรดกจริง นั่นก็หมายความว่า ตั้งแต่บิดาของนายพิธาเสียชีวิต ก็มีการถือหุ้นในชื่อ นายพิธา มาโดยตลอด
หากเป็นเช่นนั้นจริง การเลือกตั้งในปี 2562 ที่ผ่านมา คุณสมบัติการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร์ของนายพิธา ก็ถือได้ว่าขัดกับรัฐธรรมนูญ หากส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ทุกอย่างก็จะย้อนหลังไปการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว นายพิธา ต้องถูกตัดสิทธิ์ เรียกเงินคืน เรียกเครื่องราชอิสริยาภรณ์คืน ไม่ต่างจากอดีตกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ถูกตัดสินในการถูกหุ้น วี-ลัคมีเดีย จำกัด ที่ถูกมองว่าเป็นการถือหุ้นสื่อเช่นกัน
นายสามารถ จึงไม่น่าแปลกใจที่เหตุใด ทั้งคู่จึงมีความพยายามจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยชอบอ้างเรื่องปากท้องของประชาชนมาบังหน้า ในทางกลับกันยัง มองด้วยว่า หากการถือหุ้นเป็นความตั้งใจ ก็ถือ เป็นกลอุบายแผน “โยนกระเบื้องล่อหยก” ที่นายพิธา อาจยอมถูกตัดสินทางการเมือง เพื่อหวังปลุกม๊อบลงถนน เหมือนครั้งอดีต ที่นายธนาธร ต้องยุบอนาคตใหม่ แล้วกลายมาเป็นพรรคก้าวไกล
“ ผมไม่แปลกใจ ทำไมทั้งนายพิธา และนายธนาธร พยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปี 60 เพราะตัวเองเป็นผู้ขัดแย้ง เป็นผู้เดือดร้อน มีส่วนได้เสียกับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เป็นความพยายามแก้เพื่อพวกพ้องของตัวเองหรือไม่ ผมได้ข้อมูลนี้มานานแล้ว แต่ผมรอให้ครบถ้วนก่อน เพราะหากทำในช่วงนี้จะถูกมองได้ว่ากลั่นแกล้ง หรือไปเรียกคะแนนความสงสารให้เขาหรือไม่ ผมเองก็ฟังได้ว่า มีการออกมาพูดว่า พรรคก้าวไกล กำลังจะโต แต่ถูกเตะสะกัดขา แต่แท้จริงแล้วมันไม่จริงหรอกครับ มันน่าจะเกิดจากความตั้งใจ ความสะเพร่า หรือความพลั่งเผลอของตัวเองกันแน่..? “
นายสามารถ กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า กระแสของพรรคก้าวไกลขณะนี้ถือว่า กระแสดีกว่า พรรคอนาคตใหม่ในอดีต จึงขอฝากให้ประชาชนได้ติดตามอย่างใกล้ชิด และฝากความหวังกับหน่วยงานรัฐที่จะต้องทำหน้าที่ของตัวเองเพื่อแสวงหาความจริงให้ปรากฎด้วย