ข่าว

'มัลลิกา' ลั่น 'ประชาธิปัตย์' ต้องเปลี่ยน ยอมรับฉันทามติของประชาชน

'มัลลิกา' ลั่น 'ประชาธิปัตย์' ต้องเปลี่ยน ยอมรับฉันทามติของประชาชน

17 พ.ค. 2566

‘มัลลิกา’ ยินดีกับว่าที่ สส.ที่ไม่ถูกดิสรัปชั่น ลั่น ‘ประชาธิปัตย์’ ต้องเปลี่ยน เดินหน้าปฏิรูปพรรค รับคนรุ่นใหม่ ดำรงไว้หลักการต้องซื่อสัตย์สุจริต บนจุดยืนประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ส่องทะลุกระจกให้เห็นอนาคต ชี้ถ้าผิดจากนี้พร้อมโบกมือลา

ปิดฉากการเลือกตั้ง2566 แม้กกต.ยังไม่ประกาศผลอย่างเป็นทางการ แต่ชัดเจนว่าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) พรรคการเมืองเก่าแก่อายุ 77 ปี ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ ล่าสุดมีความเคลื่อนไหวจากแกนนำประชาธิปัตย์

 

ดร.มัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข อดีตกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ระหว่างที่พรรคการเมืองผู้ชนะเลือกตั้งเป็นอันดับ1 กำลังพยายาม ‘จัดตั้งรัฐบาล’ และพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้อยู่ในสมการนี้ โดยส่วนตัวเห็นว่านี่เป็นบททดสอบของว่าที่นายกรัฐมนตรี ผู้จะบริหารประเทศจะต้องผ่านให้ได้นั้นคือทักษะการเจรจาและทักษะการอยู่ร่วมกับผู้อื่น

 

ปชป.ต้องเปลี่ยน-ปฏิรูปพรรครัคนรุ่นใหม่

ขอให้กำลังใจนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์และพรรคก้าวไกล และเป็นเรื่องของผู้นำพรรคก้าวไกลที่เขาจะได้แสดงศักยภาพนั้นให้ประชาชนได้เห็น แต่ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์โดยส่วนตัวเห็นว่าควรให้เกียรติสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ สส.25 คนที่ประชาชนเลือกมาและรอดพ้นจากสถานการณ์ยุค Disruption ครั้งนี้

 

“ดิฉันนับถือคนที่รอดเข้ามาเป็นผู้แทนจากเหตุการณ์ที่ก่อให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรง หรือปรากฏการณ์ Disruption ครั้งนี้เหลือเกิน วันนี้ถ้าเขาเทียบพรรคเราเป็นเหมือนฟิล์ม Kodak ในยุคที่กล้องฟิล์มนั้นโดดเด่นและแม้จะมีจุดเด่นหรือคงจุดเด่นคือความคมชัดและละเอียดไว้ แต่ยุคสมัยคนเขาก็ใช้กล้องดิจิทัลและกลัองมือถือมากที่สุดอยู่ดี ดิฉันไม่อยากให้พรรคประชาธิปัตย์ถูกแย่งส่วนแบ่งตลาดจนล้มละลายไปเหมือนแบรนด์ Kodak” ดร.มัลลิกา กล่าว

 

ประชาธิปัตย์ต้อง Change หรือการเปลี่ยนแปลง มี Innovation นวัตกรรม มี Idealist หรือความคิดใหม่ และมี Freedom หรือเสรีภาพ ซึ่งผู้นำของแต่ละประเทศและผู้นำของโลกจะต้องมีคุณสมบัติ 4 ข้อเป็นหลักที่สมเด็จธงชัยเคยให้ไว้แต่ในทางปฏิบัติคนยึดหลักนี้ไม่ได้ทำแล้วคนที่ทำก็ไม่ได้ยึดหลักนี้ เพราะโลกยุคใหม่มีการเปลี่ยนแปลงของโลกที่มีกติกาใหม่ๆ ระเบียบใหม่ๆมากขึ้น

 

เพราะฉะนั้นทางเลือกสำหรับการทำงานการเมืองของดิฉันและหลายคนนับจากนี้ต่อไปคือ 

1. เว้นวรรคทางการเมืองเพราะก็มีเรื่องอื่นที่จะต้องไปทำ หรือ 

2. เดินหน้ากอบกู้พรรคประชาธิปัตย์โดยระดมพลปฏิรูปพรรคเคียงข้างประชาชน 

 

และถ้าจะเลือกทางเลือกที่2 ก็ต้องเริ่มใหม่หารือคนรุ่นใหม่ที่ยังสนใจทำงานการเมืองในรูปแบบที่สร้างสรรค์ใครคิดคนนั้นลงมือทำและแบ่งหมวดการทำงาน 3 ขาในรูปแบบบุคลากรไม่ต้องทับซ้อนกันคือ

 

ทำงาน 3 ขาไม่ทับซ้อนกัน

  1. ที่ยืนในสภาให้เสรีภาพสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทำงานในสภานิติบัญญัติได้อย่างเต็มที่ 
  2. ที่ยืนในรัฐบาล(ถ้ามี)ให้อำนาจการบริหารจัดการของฝ่ายบริหารในรัฐบาลอย่างเต็มที่ 
  3. ที่ยืนในพรรค ให้บุคลากรมีอำนาจและเสรีภาพในการบริหารจัดการและตัดสินใจเพื่อสร้างศรัทธาความนิยมและผลักดันนโยบายอย่างเต็มที่

 

เราต้องพร้อมหันส่องทะลุกระจกให้เห็นอนาคตให้ได้ และขณะนี้ในส่วนที่สำคัญที่สุดคือข้อ3. ซึ่งจะเป็นฝ่ายที่ทำงานหนักอย่างมากในสถานการณ์หลังจากนี้เพราะจะต้องสร้างความนิยมความศรัทธาให้เข้ากับยุคสมัยและไปกับคนรุ่นใหม่และคนทุกกลุ่มได้อย่างมีศิลปะทันโลกและไม่อคติ ไม่นำอัตตามาเป็นตัวตั้งลดความยึดมั่นถือมั่นเพื่อสร้างความร่วมมือและสามัคคีและจะต้องเป็นการทำงานเป็นทีมแบ่งงานแบ่งหน้าที่กันทำอย่างบูรณาการที่สุดและนี่จะเป็นทางเลือกและเป็นทางรอดของพรรคประชาธิปัตย์

 

“ทั้งนี้จะดำรงไว้ซึ่งหลักการแห่งความซื่อสัตย์สุจริต ประชาชนเป็นใหญ่และดำรงไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ซึ่งถ้าไม่ใช่ทิศทางนี้ดิฉันก็จะไม่เอาด้วยแต่ถ้าจะเดินหน้าปฏิรูปและยอมรับสิ่งที่ประชาชนให้ฉันทามติมาก็จะต้องร่วมมือร่วมใจกันใครเห็นด้วยเราจะแลกเปลี่ยนกัน” ดร.มัลลิกา ประกาศจุดยืน