ข่าว

'สนธิญา' จี้ กกต. เร่งมือปม 'พิธา' ถือหุ้นสื่อ ก่อนสภาทูลเกล้าชื่อ 'นายกฯ'

'สนธิญา' จี้ กกต. เร่งมือปม 'พิธา' ถือหุ้นสื่อ ก่อนสภาทูลเกล้าชื่อ 'นายกฯ'

29 พ.ค. 2566

'สนธิญา' จี้ กกต. เร่งสรุปปม 'พิธา' ถือหุ้นสื่อITV ก่อน 'ประธานสภา' ทูลเกล้าชื่อ 'นายกฯ' ปัดกลั่นแกล้ง แต่ขาดความชอบธรรม ควรเคลียร์ตัวเองให้มีคุณสมบัติตามรธน.กำหนด

นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เป็นอีกคนหนึ่งที่เข้าให้ถ้อยคำต่อ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กรณีร้องเรียนให้ตรวจสอบการถือครองหุ้นITV ของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ยืนยันไม่ได้กลั่นแกล้ง แต่เนื่องจากขาดความชอบธรรมการเป็น "นายกรัฐมนตรี"


นายสนธิญา กล่าวว่า ตนไม่ได้เป็นผู้ร้องหลัก แต่มาขอให้กกต.ระบุระยะเวลาการตรวจสอบจะใช้เวลาเท่าไหร่ ซึ่งตนได้คำตอบว่าจะทำคดีให้เสร็จหลังรับรองสส.แล้ว และส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ 
ซึ่งอยากให้กกต.ดำเนินการให้เสร็จก่อนการประกาศรับรองผล เพราะเชื่อว่ากระบวนการตรวจสอบคุณสมบัตินายพิธา จะใช้เวลาไม่น้อยกว่า 6 เดือน และขอชี้แจงไปถึงประชาชน นมัสการไปถึงพระพยอม กัลยาโณ ว่าการที่ตนเอามาเคลื่อนไหวในเรื่องนี้ ปัญหาอยู่ที่รัฐธรรมนูญกำหนดที่มาของสส.ไว้ในมาตรา 98 รวม 18 วงเล็บ ใครที่มีลักษณะต้องห้ามดังกล่าวจะไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้ ซึ่งการห้ามถือหุ้นอยู่ใน (3) ไม่ใช่เรื่องกลั่นแกล้งหรือไม่มีความเมตตาธรรม แต่นายพิธามีปัญหาเรื่องการถือหุ้น และกฎหมายไม่ได้กำหนดว่าให้ถือได้มากน้อยแค่ไหน แต่ระบุ "ห้ามถือหุ้น" 

จึงอยากจะเรียกร้องไปยังพรรคก้าวไกลและนายพิธา วันนี้ขาดความชอบธรรมที่จะถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะกกต.อยู่ระหว่างการตรวจสอบ หากมีการประกาศรับรองครบ 95 % จะสามารถเปิดประชุมสภาได้ และเลือกประธานสภา เลือกนายกรัฐมนตรี เชื่อว่ากระบวนการนี้จะคู่ขนานกับการที่กกต.จะส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

 

ตนเชื่อว่าถึงเวลานั้นหากนายพิธา เป็นผู้ที่ประชุมรัฐสภามีมติเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี ถามว่าประธานสภาไม่ว่าจะมาจากพรรคการเมืองไหนจะกล้าทูลเกล้า ชื่อนายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ถึงเวลานั้นประเทศไทยจะอยู่ในช่องว่างของอำนาจ เพราะข้อเท็จจริงการจะทูลเกล้า ควรต้องอยู่หลังจากศาลธรรมนูญวินิจฉัยเรื่องนี้เสร็จสิ้นไปแล้ว

 

"ไม่ใช่เรื่องของการกลั่นแกล้ง ชอบไม่ชอบ เกลียดไม่เกลียด หรือไม่มีเมตตาธรรม แต่เป็นเพราะคุณพิธาและพรรคก้าวไกล ไม่ได้ตรวจสอบคุณสมบัติของหัวหน้าพรรค อาจจะทำให้นายพิธาโมฆะและไม่สิทธิเป็นหัวหน้าพรรคและไม่มีสิทธิลงสมัคร สส. รวมถึง สส. ของพรรคก็จะพัวพันไปด้วย ไม่ดำเนินการจัดการตัวเองให้มีคุณสมบัติถูกต้องตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดจึงไม่มีสิทธิที่จะลงสมัครเป็น สส. เรื่องมีอยู่เท่านี้เป็นการไม่ทำตามบทบัญญัติที่หมายกำหนด" นายสนธิญากล่าวว่า 

นายสนธิญา สวัสดี

เมื่อถามว่ามีการมองว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้บิดเบี้ยวหรือไม่ นายสนธิญา กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านประชามติของประชาชน 17 ล้านเสียง เพราะฉะนั้นถ้าบอกว่าบิดเบี้ยวก็ไม่รู้ว่าเป็นใครฝ่ายไหนที่คิดเช่นนั้น และรัฐธรรมนูญฉบับนี้ใช้ตั้งแต่ปี 2560 รวมระยะเวลา 4 ปีที่พรรคก้าวไกลก็อยู่ในสภาทำไมไม่แก้ไขเสียตั้งแต่อยู่ในสภา รวมทั้งมองว่ากรณีดังกล่าวจะทำให้ทั้งฝ่ายที่สนับสนุน และฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับการที่ให้นายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรีก่อนการตรวจสอบคุณสมบัติเสร็จสิ้นออกมาชุมนุม แต่อยากให้ทั้งสองฝ่ายมองว่าบ้านเมืองต้องอยู่ด้วยกฎหมาย

 

ขณะเดียวกันวันนี้นายนพรุจ วรชิตวุฒิ อดีตแกนนำพิราบขาว ให้ถ้อยคำต่อ กกต. ในกรณีของนายพิธา เช่นเดียวกัน เนื่องจากส่วนตัวมองว่า นายพิธา หมดสิทธิ ตั้งแต่ปี 2562 เพราะขณะนั้นได้ถือหุ้นITVแล้ว และต่อมานายพิธา เป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกล จนมาถึงการสมัครเป็นสส. รวมถึงเซ็นรับรองส่งสมาชิกพรรคลงสมัคร แสดงให้เห็นถึงเจตนา ถือว่าเสี่ยงที่ถูกจำคุกมาก เพราะมีเจตนาที่จะกระทำความผิด ทั้งในพิธาและบรรดาผู้สมัครของพรรคจะต้องถูกดำเนินคดีอาญาตามมาตรา 151 เพราะรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิสมัครแต่ยังคงลงสมัคร มีโทษ 1-10 ปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท และถูกตัดสิทธิทางการเมือง 20 ปี

 

นายนพรุจ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3) ห้ามผู้สมัครสส.ถือหุ้น การถือหุ้นแม้แต่หุ้นเดียวก็ซวยแล้ว มีตัวอย่างผู้สมัครลงสมัครแต่ถูกตัดสิทธิเพราะถือหุ้นเพียงหุ้นเดียว ทั้งที่เขาไม่ได้มีเจตนา แต่คำว่าเผลอเลอหรือลืมมัน ซึ่งใช้ไม่ได้ในทางกฎหมาย แต่นายพิธาถือหุ้นนี้มานานตั้งแต่ปี 2551 ในทางกฎหมายถือว่าความผิดสมบูรณ์แล้ว

 

ส่วนที่มีการบอกให้นายพิธาทำงานไปก่อน นายนพุจ เห็นว่าถ้าเอาตามกฎหมู่ก็ให้ทำงานไปก่อนได้ และถ้ายึดกฎหมายก็ต้องเอากฎหมายมาก่อน หรือการบอกว่าการที่นายพิธา ถูกเล่นงานในเรื่องนี้เพราะกฎหมายบิดเบี้ยว ก็ต้องไปแก้กันในขั้นตอนของสภา แต่ไม่ใช่เอากฎหมู่มาบังคับ

นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล