ข่าว

เพื่อไทย 'พรรคอันดับ2' กับครรลอง 'ประชาธิปไตย' ของบ้านเมือง

เพื่อไทย 'พรรคอันดับ2' กับครรลอง 'ประชาธิปไตย' ของบ้านเมือง

29 พ.ค. 2566

ดีลลับสนั่นโซเชียล อาจจะเป็นเรื่องจริง เมื่อ เพื่อไทย ‘พรรคอันดับ2’ เดินตามครรลองประชาธิปไตยของบ้านเมือง มีโอกาสรวบรวมเสียงข้างมาก ‘ตั้งรัฐบาล’ สำเร็จมากกว่า ‘ก้าวไกล’

จบการเลือกตั้งไป กระบวนการต่อไปยังยาวไกลกว่าจะมีรัฐบาล ดูจากไทม์ไลน์แล้ว เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) รับรองผลการเลือกตั้ง2566 คาดว่าจะมีการเลือก ‘ประธานสภาฯ’ ในปลายเดือนกรกฎาคม เลือก ‘นายกรัฐมนตรี’ เดือนสิงหาคม

 

ไม่มีพรรคใดได้เสียงข้างมากในสภาทั้งหมด 500 คน มากที่สุดเพียง 151 คน ส่วน ‘พรรคอันดับ2’ อย่างพรรคเพื่อไทย ที่ถูกเชิญมาร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล ด้วยส่วนต่างของเก้าอี้ สส.เพียง 10 ที่นั่ง ทำให้ ‘พรรคอันดับ2’ สำคัญยิ่ง 

 

28 พ.ค. 2566 กลุ่มคนเสื้อแดง แฟนคลับพรรคเพื่อไทย ออกมารวมตัวพร้อมยื่นข้อเสนอ 5 ข้อ มาดูข้อสุดท้าย ข้อ 5 ถ้า พรรคอันดับ1 ไม่สามารถรวบรวมเสียงข้างมากเพื่อ ‘จัดตั้งรัฐบาล’ ได้ ให้พรรคเพื่อไทยใช้สิทธิ์ในการเป็น ‘พรรคอันดับ2’ รวบรวมเสียงข้างมากเพื่อ ‘จัดตั้งรัฐบาล’

MOU 8 พรรคร่วมรัฐบาล

 

และนำนโยบายที่หาเสียงไว้กับประชาชนมาผลักดันให้เกิดผลเป็นรูปประธรรมต่อไป หรือแล้วแต่พรรคจะใช้ดุลยพินิจเป็นอย่างอื่น บอกตรงๆ FC กลุ่มนี้ ไม่ธรรมดา! เหมือนอ่านเกมขาด

 

ก็ดูจากวิธีคิดของพรรคก้าวไกล ไม่ว่าจะพยายามผลักดันแก้ ม.112 ให้จงได้ แม้ไม่มีใน MOU 8 พรรคร่วมรัฐบาลก็ตาม 

นพ.ชลน่าน และ ประสริฐ 2 แกนนำพรรคเพื่อไทย แถลงโต้ดีลลับตั้งรัฐบาลแข่งพรรคก้าวไกล

 

เพื่อไทยปฏิเสธดีลลับตั้งรัฐบาล

29 พ.ค. 2566 แกนนำพรรคเพื่อไทย อย่าง 'นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว' หัวหน้าพรรค และ 'ประเสริฐ จันทรรวงทอง' เลขาธิการพรรค ประสานเสียงโต้ข่าวดีลลับว่าไม่มีจริงเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลร่วม 8 พรรคการเมือง หนุน พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี

 

การออกสื่อสัมภาษณ์ ทั้ง พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่าที่นายกรัฐมนตรี หรือว่าที่รัฐมนตรีที่วางตัวไว้ ในแต่ละด้าน ล้วนสะท้อนถึงวิธีคิด “ตามตำรา” เท่านั้น เพียงคิดว่า น่าจะเป็น แต่ความเป็นจริงย่อมแตกต่าง 

พลังสัม หนุนก้าวไกล

 

การปลูกฝังความคิด ‘เด็กวัยรุ่น’ ด้วยปฏิบัติการ IO หรือ social media ได้ผลมากของพรรคก้าวไกล เพราะ ‘เด็กวัยรุ่น’ ก็คือ ‘วัยรุ่น’ เสพสื่อ คนละเรื่องกับการบริหารประเทศที่มีความหลากหลายทุกมิติในพหุสังคม

 

มวลชนพรรคก้าวไกล

ไม่เพียงเท่านั้น การอ้างว่ามีคนเลือกก้าวไกล 14 ล้านคน คือฉันทามติ ที่จะให้เป็น ‘นายกรัฐมนตรี’ มันใช่หรือไม่? มีคนไม่เลือกอีก 27 ล้านคนและที่ไม่มาเลือกอีกเท่าไหร่ ?

 

การอ้างและไปกดดัน สว. ‘ต้องเลือกนะ’ มันคือ ‘ประชาธิปไตยเต็มใบ’ หรือ ‘ประชาธิปไตยข่มขู่’ 

 

แล้ว สว.จะยกมือให้กลุ่มนี้เป็น ‘นายกรัฐมนตรี’ บริหารประเทศหรือ?

 

ขุนพลพรรคก้าวไกล และมวลชน

อย่าลืมว่า การเมืองเป็นศิลปะ ต้องรู้ว่าเวลาไหนควรรุก เมื่อรุกแล้วต้องรุกให้เฉียบขาด ยามถอยก็ต้องถอยให้ปลอดภัย การวิ่งตรงชนทุกอย่างที่ขวางหน้าไม่เจ็บก็ล้มตายได้

 

กลเกมหลังการเลือกตั้ง เมื่อก้าวไกล แบไต๋เผยไพ่บนหน้าตัก ขณะที่ ‘พรรคอันดับ2’ ใช้ความสงบสยบทุกความคลื่อนไหว ในเชิงการเมืองเพื่อไทย ไม่ได้อ่อนพรรษา หรือไม่รู้ประสีประสาทางการเมือง ตรงกันข้ามกับพรรคก้าวไกล

ขุนพลพรรคเพื่อไทย

 

แน่นอน หาก พรรคอันดับ1 ยอมหักไม่ยอมงอ หรือเจรจาพรรคร่วมรัฐบาลล้มเหลว ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ จะเป็นสิทธิอันชอบธรรมของ ‘พรรคอันดับ2’ อย่างเพื่อไทย ต้องฟอร์มรัฐบาลขึ้นมาทดแทน

 

ดีลลับสนั่นโซเชียลอาจจะเป็นเรื่องจริง แม้แกนนำพรรคเพื่อไทยเรียงหน้าออกมาปฏิเสธก็ตาม เมื่อ เพื่อไทย ‘พรรคอันดับ2’ เดินตามครรลองประชาธิปไตยของบ้านเมือง และมีโอกาสรวบรวมเสียงข้างมาก ‘ตั้งรัฐบาล’ สำเร็จมากกว่าก้าวไกล 

 

พลังสัมทั้งแผ่นดิน แต่เสียงไม่ชนะขาดถึง 376 เสียง พ่อของส้มต้องเดินเกมตั้งรัฐบาลอย่างไรให้ไปถึงฝั่นฝัน เพื่อดัน ‘พิธา’ นายกคนที่30 

 

ก้าวไกล จะยอมถอยเพื่อเปิดทางให้ เพื่อไทย ‘พรรคอันดับ2’ จัดตั้งรัฐบาล อดใจรอส้มสุกเมื่อมีการเลือกตั้งปี2570

 

แต่ในอนาคตอีก 4 ปี จะแน่ใจได้อย่างไรว่ามวลชนก้าวไกลมีจำนวนมากพอสร้างปรากฏการณ์ ‘ก้าวไกลแลนต์สไลด์’ จัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว?

 

...กมลทิพย์ ใบเงิน...รายงาน