ข่าว

จดหมายถึงสังคมไทย เตือนสติ คดี 'พิธา' ถือ 'หุ้นสื่อ'

จดหมายถึงสังคมไทย เตือนสติ คดี 'พิธา' ถือ 'หุ้นสื่อ'

10 มิ.ย. 2566

นักวิชาการด้านประวัติ เขียนจดหมายถึงสังคมไทย คดี'หุ้นสื่อ' 'พิธา' ลิ้มเจริญรัตน์ หยุดโศกนาฏกรรมได้ด้วยความยุติธรรม

อรรถจักร์ สัตยานุรักษ์ นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ เขียนบทความลงในเฟซบุ๊ก เตือน หลีกเลี่ยงโศกนาฏกรรมของสังคมไทย ด้วยการยืนอยู่บนความยุติธรรม หัวข้อ กกต. กับการ หาทาง ลงโทษที่เน้นสำนึกส่วนบุคคล

เนื้อหาในเฟซบุ๊ก ระบุว่า เป็นเรื่องน่าเศร้าใจที่กระบวนการเคลื่อนเข้าสู่ประชาธิปไตยของสังคมไทยกำลังถูกทำให้ชะงักงันและอาจจะนำไปสู่วิกฤติทางการเมืองครั้งใหญ่กว่าทุกครั้งที่ผ่านมา

 

เกมการเมืองของ กกต. ออกมาในรูปของการเน้นให้ความผิดของพิธา กลายเป็นความผิดที่เกิดขึ้นจากสำนึกส่วนบุคคล ตามมาตรา 151

 

การเลือกเน้นการพิจารณาข้อกล่าวหาพิธา ในลักษณะเช่นนี้จะทำให้ดูเสมือนว่า กกต. มีความชอบธรรมในการที่จะลงโทษคุณพิธา ซึ่. กกต. คงจะประเมินว่าหากออกมาในลักษณะที่เป็นความผิดส่วนบุคคลและเป็นสำนึกของพิธาเพียงคนเดียว

 

น่าจะลดกระแสต่อต้านของมวลชนลงเพราะเป็นความผิดที่ขึ้นอยู่กับคุณลักษณะส่วนตัวของบุคคลโดยแท้

การประกาศจะใช้มาตรา 151 และเป็นการ รับเรื่องไว้พิจารณาเป็นความปรากฏ ซี่งหมายความว่า กกต. จะใช้อำนาจพิจารณาเรื่องนี้ก่อนส่งต่อไปยังศาลยุติธรรม อำนาจของการพิจารณาคดีพิธานี้สังคมไทยจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

 

เพราะมาตรา 151 นี้กำหนดบทลงโทษไว้สูงลิ่ว คือมีทั้งโทษจำคุก ปรับ และเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งนานถึง 20 ปี

 

การเลือกมาตรา 151 นี้ ก็เพราะต้องการเลี่ยงการเปรียบเทียบกับคดีการถือหุ้นสื่ออื่น ๆ ที่จะทำให้ผลการตัดสินเป็นคุณแก่กรณีพิธา การใช้มาตรา 151 ก็เพราะหวังว่าจะใช้คดีของสิระเป็นตัวตั้งเพื่อเปรียบเทียบลงโทษ

 

แต่อยากจะบอกสังคมไทยว่าคดีของสิระกับพิธามันคนละเรื่องกัน หาก กกต. เทียบเคียงเช่นนี้ก็หมายความว่าต้องการเอาเรื่องพิธาให้ได้นั้นเอง

 

การจะพิสูจน์ว่าพิธารับรู้หรือไม่รับรู้ว่าตนเองมีคุณสมบัติหรือไม่ ก็ต้องดูที่การดำรงอยู่ของ ITV ด้วยว่าในสังคมขณะนั้น ITV มีสถานะอย่างไร  หาก กกต. ไม่พิสูจน์ในจุดนี้ให้ชัดเจนและสังคมยอมรับได้เสียก่อน และกระโดดไปสู่การตัดสินการรับรู้หรือไม่รับรู้ของพิธาโดยเทียบเคียงกับคดีสิระ 

 

ซึ่งเชื่อว่า กกต. ตัดสินใจผิดและต้องขอบอกว่า กกต.จะต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้น การเมืองของความหวังเรื่อง “ความเสมอภาคและยุติธรรม” ได้ถูกจุดและลามไปทุกมิติของสังคมแล้ว  จะดับไฟแห่งความหวังของสังคมนี้อย่างมักง่ายไม่ได้

 

ขอช่วยกันจับตามองเพทุบายทั้งหลายของบรรดา น้ำน้อย ในสังคมไทย ที่พยายามดับไฟแห่งความหวังของพวกเรา และต้องช่วยกันเตือนสติพวกเขา (ที่คงเหลือน้อยนิด) ว่าพวกเขากำลังก่อให้เกิดวิกฤติทั้งสังคม

 

โศกนาฏกรรมของสังคมไทยหลีกเลี่ยงได้ หากยืนอยู่บนความยุติธรรม ที่แท้จริง