เปิดประวัติ ‘มัลลิกา’ หนึ่งในอดีตคนไอทีวี ผู้ชี้ว่า ITV ยังเป็นสื่อ
ส่องประวัติ ‘มัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข’ อดีตคนไอทีวี ที่มั่นใจว่า ITV เป็นสื่อ และชี้ว่า 'พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ ถือหุ้นมา 17 ปี ไม่มีคุณสมบัติสมัคร สส.
“เถียงอะไรกันนัก! ไอทีวี #ITV เป็นสื่อตั้งแต่การจดทะเบียนวัตถุประสงค์บริษัท สิ้นสุดกระแสความที่ตรงนี้ค่ะ ไม่ต้องเถียงกันหรือหาหลักฐานอะไรมาว่าไอทีวีจะกลับมาเป็นสื่ออีกหรือไม่”
หนึ่งในข้อความบนทวิตเตอร์ของ “ดร.มัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข อดีตกรรมการพรรคและอดีตสส.พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ทวีตรัวๆถึงกรณีสถานีโทรทัศน์ไอทีวี (ITV) ยังคงสถานะสื่ออยู่หรือไม่
การทวิตข้อความของมัลลิกา ทำให้หลายคนสนใจว่า มัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข คือใคร มาจากไหน ทำไมถึงมาสนใจเรื่องหุ้นไอทีวีด้วย
คำตอบก็คือ มัลลิกา เป็นหนึ่งในคนไอทีวีในยุครุ่งเรืองด้วยเช่นกันนั่นเอง
คมชัดลึก รวบรวมประวัติคร่าวๆของมัลลิกาพอให้ได้รู้จักว่า เขาเกี่ยวอะไรกับไอทีวีมาก่อน
มัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ชื่อเล่นว่า “ติ่ง” และที่เพื่อนๆในวงการสื่อเรียกว่า “มอลลี่” เกิดเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2516 ที่อำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา มีเชื้อสายไทลื้อจากผู้เป็นตาและยาย
จบการศึกษาจากโรงเรียนปงรัชดาภิเษก โรงเรียนพะเยาพิทยาคม ปริญญาตรีคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ปริญญาโท วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต และจบการศึกษาปริญญาเอก วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม สาขาวิชาผู้นำทางสังคม ธุรกิจและการเมือง มหาวิทยาลัยรังสิต
เป็นอดีตนักกีฬาจักรยานทีมชาติไทย และเป็นนักกีฬายิงปืนสมัครเล่นของชมรมยิงปืนรบพิเศษ และจบหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงมหานคร3 กับ นมธ.9 หรือหลักสูตรธรรมศาสตร์เพื่อสังคม
ด้านชีวิตส่วนตัว มัลลิกา บุญมีตระกูล ได้เข้าพิธีมงคลสมรสกับ นายณัฐพล มหาสุข ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัลกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2557 โดยก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม ปีเดียวกัน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ประกอบพิธีสมรสพระราชทานแก่คู่บ่าวสาว ณ อาคารชัยพัฒนา สวนจิตรลดา พร้อมการจดทะเบียนสมรส ณ วังสวนจิตรลดา ปัจจุบันเปลี่ยนมาใช้นามสกุลของสามีตามที่ได้จดทะเบียนและนำนามสกุลเดิมจดทะเบียนเป็นชื่อกลางจึงมีชื่อตามบัตรประชาชนใหม่ว่า นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข
การทำงาน
มัลลิกาเป็นที่รู้จักจากการเป็นพิธีกรและผู้ประกาศข่าวทางสถานีโทรทัศน์ไอทีวี รายการร่วมมือร่วมใจ รายการสน.ไอทีวี ซึ่งเป็นแนวรายการชาวบ้านร้องทุกข์
ต่อมามัลลิกาได้ลาออกจากไอทีวีและลงสมัครในโดยในการเลือกตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2548 สังกัดพรรคมหาชน การเลือกตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2550 สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ และการเลือกตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2554 สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ โดยทั้งหมดเป็นการลงสมัคร ส.ส. ในเขตพื้นที่จังหวัดพะเยา แต่ไม่เคยได้รับการเลือกตั้ง
โดยเคยมีประสบการณ์ทางการเมืองเป็นสมาชิกสมัชชาแห่งชาติปี พ.ศ. 2549 หลังการรัฐประหารในกลางปีเดียวกัน และเป็นผู้ช่วย เลขานุการ รัฐมนตรีหลายกระทรวง อาทิ หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร นายธีระ สลักเพชร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และนายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ล่าสุดได้ประกอบธุรกิจส่วนตัวผลิตภัณฑ์ด้านความงามและเป็นประธานบริหารธุรกิจศูนย์การค้า เป็นต้น
ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562 เธอลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ลำดับที่ 30 แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง
ต่อมาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์) จนเมื่อ พ.ศ. 2565 เมื่อไชยยศ จิรเมธากร ได้ขอลาออกจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรระบบบัญชีรายชื่อ ทำให้มัลลิกาได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแทน ไชยยศ ซึ่งนางมัลลิกาได้ลาออกจากตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์)
ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2566 มิลลิกาได้เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ของพรรคประชาธิปัตย์ ในลำดับที่ 19
ข้อความบนทวิตเตอร์ที่ระบุว่า ITV ยังเป็นสื่อ
วันที่ 12 มิ.ย. 66 มัลลิกาทวีตข้อความถึงกรณีสถานีโทรทัศน์ไอทีวี (ITV) ยังคงสถานะสื่ออยู่หรือไม่ว่า “เถียงอะไรกันนัก! ไอทีวี #ITV เป็นสื่อตั้งแต่การจดทะเบียนวัตถุประสงค์บริษัท สิ้นสุดกระแสความที่ตรงนี้ค่ะ ไม่ต้องเถียงกันหรือหาหลักฐานอะไรมาว่าไอทีวีจะกลับมาเป็นสื่ออีกหรือไม่!!!!
พิธาหรือใครที่ถือหุ้นสื่อ โดยที่จะเป็นโทรทัศน์ หรือจะเป็นบริษัทที่จดทะเบียนวัตถุประสงค์เป็นสื่อและยังไม่ได้ปิดบริษัท ต่างก็ล้วนกระทำผิดไปแล้ว การโอนหุ้นออกอันนั้นเพื่ออนาคตที่ยังมาไม่ถึง #ปิดไม่มิด กับการกระทำที่เกิดขึ้นไปแล้ว
ดังนั้นการจะจับโกหกนิกม์ หรือการจะเอาผู้สื่อข่าวคนใดมาเปิดหลักฐานใดก็ไม่ใช่ประเด็น ประเด็นอยู่ที่ #ถือหุ้นสื่อ ถืออยู่ ถือแล้ว ถือเอง 17 ปี
ส่วนเรื่องไอทีวี #ITV เขาจะกลับมาเป็นสื่อหรือทำธุรกรรมอะไรของเขา มันเป็นเรื่องที่เขาพยายามมานานแล้วตั้งแต่ปี 53 ซึ่งไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพิธาหรือผู้ใด #พิธา ไม่ได้สำคัญมากขนาดที่ไอทีวีต้องวางแผนตั้งแต่ปี 53 มั้ง
การถือหุ้นสื่อในบริษัทที่จดวัตถุประสงค์เป็นสื่อ จึงไม่มีคุณสมบัติที่จะสมัคร สส. และเมื่อเทียบกับคนของพรรคไทยภักดีก่อนหน้านี้เขามีหุ้นสื่อช่องหนึ่งเพียงแค่ 1 หุ้น=5บาท เขาก็โดนตัดสิทธิ์ไปแล้วเรียบร้อย !! #จบเนาะ”
ไลฟ์สดฟาด "พิธา-ธนาธร" ชี้ประเทศนี้ไม่ใช่ของคุณ 2 คน
เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข อดีตกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ และผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ได้ไลฟ์ผ่านติ๊กต็อก ระบุตอนหนึ่งถึง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ว่า กรณี นายพิธา พูดถึงการจัดเก็บภาษี ความจริงปัตตานีไม่มีเศรษฐกิจใหญ่ เก็บได้ ส่วนกลางจะเป็นผู้บริหารจัดการ ส่วนผลงานที่เห็นชัดโครงสร้างพื้นฐาน รัฐบาลต่อยอดดำเนินการมา
"ประเทศนี้ไม่ใช่ของคุณ 2 คน อย่าอวดฉลาด เวลาทำฉลาด อย่าสะเหล่อ อย่าเอาแต่คิดคำสวยหรู อ้างถึงประชาธิปไตย อ้างถึงเสรีภาพ อย่ามาคิดคำสวยหรูว่าประชาธิปไตยอย่างเดียว เสรีภาพอย่างเดียว เสรีภาพแล้วทุจริต กินกันฉิบหาย อย่างนี้ไหวหรือ และ ประชาธิปไตยแล้วจาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบัน ทั้ง 3 สถาบัน ไหวหรือ
นางมัลลิกา ยังกล่าวถึงแนวคิดการแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 ว่า มาตรา 112 คุ้มครองสถาบันสำคัญของชาติ เป็นสิ่งที่ไม่สามารถทำได้ สมัย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เคยทำให้สังคมแตกแยก จนกลายมาเป็นข้อหาที่ทำให้โดนปฏิวัติปี 2549 ประชาธิปไตย เสรีภาพ ภราดรภาพ อิสรภาพ เสร็จแล้วแบ่งแยกดินแดน แบบนี้ไหวหรือ เพราะฉะนั้น ทำไมอ่ะ ไม่ต้องไปถึง ผบ.ตร. หรอก ถ้าเกิดฉันมีอำนาจ ฉันก็ปฏิวัติ
มัลลิกา ปะทะ ‘สรยุทธ-ไบร์ท’
วันที่ 16 มิถุนายน รายการกรรมกรข่าว คุยนอกจอ ดำเนินรายการโดยนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา และนางสาวพิชญทัฬห์ จันทร์พุฒ หรือไบร์ท เปิดคลิปจากการไลฟ์ผ่านแอพพลิเคชั่น TikTok ของนางสาวมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข หรือ ติ่ง อดีตผู้สื่อข่าวไอทีวี และอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์
ซึ่งในตอนหนึ่งกล่าวถึงรายการดังกล่าวว่า เมื่อไหร่จะเชิญตนไปออกรายการบ้าง เชิญแต่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สลับกันมา ถามว่า เป็นโฆษกพรรคก้าวไกลหรืออย่างไร
“เมื่อไหร่จะเชิญมัลลิกาสักทีล่ะพี่ยุทธ น้องไบร์ท …เห็นเชิญอยู่ได้ สลับกันไป สลับกันมา ระหว่างวิโรจน์ พิธา ..เป็นโฆษกพรรคเขาหรือไง พวกเรา….ขออนุญาตวิจารณ์นะ พี่ยุทธนะ (ยกมือไหว้) มันดูไม่งามจริงๆ จรรยาบรรณ จริยธรรมต่างๆ ดูไม่เป็นพี่ใหญ่ ดูเยอะ ดูลำเอียง ดูเลี่ยน”
นายสรยุทธ ตอบประเด็นดังกล่าว กลางรายการว่า “วันนี้เชิญแล้ว ติ่ง โทรศัพท์ไปตั้งแต่เช้าแล้ว”
จากนั้น ไบร์ทเสริมว่า ตอนแรกโทรไปยังไม่รับสาย เมื่อโทรอีกครั้ง ได้รับแจ้งว่า ยังไม่ตื่น ไม่สะดวก ไม่ได้เตรียมตัว ยังนอนอยู่เลย รู้สึกเหมือนไม่ค่อยสบาย
ไบร์ทเล่าต่อไปว่า ทีมงานสอบถามถึงคลิปดังกล่าว ติ่ง มัลลิกา ตอบทีมงานว่า ‘อัดคลิปไปงั้นๆแหละ’
นายสรยุทธจึงกล่าวว่า“อ้าว! ยังไงล่ะ เชิญมาในฐานะท่านอดีต ส.ส. อีกมุมหนึ่งถือว่าเป็นน้อง ผมย้ำมาตลอดว่าการเมืองมีความเห็นแตกต่างกันได้ ผมไม่เคยตั้งข้อรังเกียจเลย และความสัมพันธ์มันต้องไม่เกิดความแตกแยก นี่เขาวิจารณ์ เราก็รับฟัง”
นายสรยุทธอธิบายต่อไปว่า ถ้าตนเชิญฝั่งที่แพ้การเลือกตั้ง อุ๊ย! ชนะเลือกตั้งแล้วรวมเสียงแล้วไม่มากพอ ถูกเรียกว่าเป็นว่าที่ฝ่ายค้าน มันจะเป็นภาพแปลกๆ ของโทรทัศน์
“จริงๆ อยากเชิญคุณอนุทิน ชาญวีรกูล คิดถึง แต่จะมาถามเพื่อให้เสี้ยมเหรอ หรือผมจะเชิญหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ของคุณมัลลิกา คือ คุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ แล้วถามว่าคุณจุรินทร์ ทำไมคุณถึงแพ้ ไหนก่อนหน้าการเลือกตั้งบอกว่า Saveประชาธิปัตย์ แล้วเหลืออยู่ 25 ที่นั่ง นอกจากจะดูไม่งามแล้ว ยังเป็นการเหยียบย่ำซ้ำเติม
เราจะถามอะไร หรือคิดในทางบวก จะถามว่าจะทำหน้าที่ในฝ่ายค้านยังไง ทั้งที่ กกต.ยังไม่มีการรับรอง มันต้องเป็นมุมของคนที่คาดว่าจะได้เป็นรัฐบาลที่จะมาบอกกล่าวนโยบาย” นายสรยุทธกล่าว