'พิธา' ตอบรับนั่ง Brand Ambassador ท่องเที่ยว ฟื้นฟูหลังโควิด
'พิธา' ยินดีเป็น Brand Ambassador ท่องเที่ยว เผยทำงานฝ่ายบริหารและสื่อสาร เตรียมถกนานาชาติฟื้นฟูสถานการณ์หลังโควิด พร้อมปรับนโยบายกระจายนักท่องเที่ยวสู่เมืองรอง
ภายหลังนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตพรรคก้าวไกลหารือกับสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เพื่อฟื้นฟูสถานการณ์ท่องเที่ยวไทยหลังโควิด
นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เปิดเผยว่า การท่องเที่ยวควรเป็นวาระแห่งชาติและอยากให้ว่าที่นายกรัฐมนตรี นั่งเป็นประธานที่ประชุม ที่สำคัญคือการบริหารจัดการเรื่องของสนามบินในการไปเที่ยวสถานที่ต่างๆ จนกลับมาถึงสนามบินอีกครั้ง ควรจัดการอย่างไร้คอขวด
"ท้ายที่สุดที่อยากจะขอ อยากให้นายพิธา มาเป็น Brand Ambassador ของการท่องเที่ยวไทย"
ด้านนายพิธา ยินดีตอบรับเป็น Brand Ambassador เช่นกัน เพราะเป็นทั้งคนบริหารและคนสื่อสารด้วย เมื่อเข้าสู่ทำเนียบรัฐบาล มีการบริหาร เมื่อไหร่ ก็จะต้องมีการพบปะและเดินทางไปพูดคุยกับต่างประเทศ โดยจะมีการประชุมสหประชาชาติในเดือนกันยายนนี้ จะถือโอกาสนำประเด็นการท่องเที่ยวของไทยเข้าไปพูดคุยกับผู้นำต่างประเทศด้วย
นายพิธา กล่าวว่า วันนี้มีการเปรียบเทียบตัวเลขระหว่างปี 2019 2023 และปัจจุบัน ทั้งเรื่องจำนวนนักท่องเที่ยว การบริหารจัดการภายในจังหวัด ที่เป็นระดับจุลภาคและมหภาค ซึ่งทางประธานอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิญชวนให้ดูแลเรื่องการท่องเที่ยวโดยตรง เพราะนโยบายการท่องเที่ยวดีแค่ไหน แต่ถ้าหากมีปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อม โรคระบาด สังคมสูงวัย ส่วย ก็จะทำให้การท่องเที่ยวปฏิบัติไม่ได้จริง
ส่วนเรื่องถึงตัวเลขนักท่องเที่ยวเป็นสิ่งสำคัญและต้องพูดคุยกันเยอะ เพราะจากรายงานสหประชาชาติพบว่า ตัวเลขนักท่องเที่ยวของไทยหายไป 40% ในขณะที่ทั่วโลกหายไป 20%
แต่หากเอาจำนวนนักท่องเที่ยวจีนออกไปเปรียบเทียบ ไทยก็ไม่ได้แย่กว่าทั่วโลก หายไปเพียง 20% เท่านั้น เพียงแต่ในช่วงก่อนโควิด 20% เราพึ่งนักท่องเที่ยวจีน ตอนนี้เหลือแค่ 2% จาก 20% ถือว่าหายไปเยอะ
ซึ่งวันนี้ที่มาประชุมเริ่มเห็นรถบัสนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเยอะขึ้น จึงได้นำตัวเลขให้นายชำนาญดูว่า การท่องเที่ยวจีนเปลี่ยนไป เค้าหันกลับไปเที่ยวในประเทศตัวเองมากขึ้น ไม่เดินทางออกนอกประเทศ
ฉะนั้นเราต้องปรึกษาหารือกันว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไร เพื่อให้ตัวเลขกลับมาดีที่สุด แต่ก็มีการพูดคุยกันว่าถ้าจะเอาให้ยั่งยืนจะเป็นเรื่องของจำนวนตัวเลขแค่นั้นหรือไม่ หรือจะเอาคุณภาพด้วย ซึ่งจำนวนที่เข้ามานั้น ไม่สำคัญเท่าการกระจายออก เพราะตัวเลขที่สำคัญไปกระจุกอยู่แค่ 5 จังหวัด
จึงเห็นตรงกันว่านโยบายเมืองรองที่ผ่านมาอาจจะไม่เพียงพอ คงต้องมีการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับโฮมสเตย์ เรื่องของการคมนาคมระหว่างจังหวัด และการวางแผนการเดินทางให้ถูกใจนักท่องเที่ยว