ข่าว

'เศรษฐา' ย้ำหาก 'เพื่อไทย' จัดตั้งรัฐบาลต้องไม่แตะ ม.112

'เศรษฐา' ย้ำหาก 'เพื่อไทย' จัดตั้งรัฐบาลต้องไม่แตะ ม.112

20 ก.ค. 2566

'เศรษฐา' มอง 'พิธา' ไปสุดทางแล้วในทางกฎหมาย ลั่นหาก 'เพื่อไทย' เป็นแกนนำต้องไม่แตะ ม.112 ไม่ปิดทางร่วม 'บิ๊กป้อม' เพราะ 'บิ๊กตู่' ไม่อยู่แล้ว

วันที่ 20 ก.ค.  นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนก่อนการประชุมพรรคเพื่อไทยช่วงบ่ายวันนี้ โดยกล่าวว่า วันนี้จะมาคุยกันเรื่องทิศทางการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีในวันที่ 27 ก.ค.นี้ ซึ่งยังไม่ทราบว่าจะมีการเสนอชื่อตนเองเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ต้องขอเข้าประชุมก่อน ส่วนรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยจะมีพรรคก้าวไกลอยู่หรือไม่นั้นต้องให้ตัวแทนคณะเจรจาไปคุย แต่จะเป็นไปในทิศทางไหนคงต้องพูดคุยกัน ปัจจุบันเรามีข้อตกลงร่วมของ 8 พรรคอยู่ ต้องให้เกียรติ 8 พรรคที่ร่วมเจตนารมณ์กันมา ขอเวลานิดหนึ่ง 

 

นายเศรษฐา กล่าวต่ออีกด้วยว่ารายชื่อที่ถูกเสนอให้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคเพื่อไทย มี 3 ชื่อมีชื่อตนเอง นางสาวแพรทองธาร ชินวัตร และนายชัยเกษม นิติศิริ คงต้องรอให้คณะกรรมการบริหารพรรคเคาะก่อน ทั้งนี้ยังมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอีกหลายท่านจากหลายพรรคการเมืองซึ่งมีความพร้อมเหมือนกัน ซึ่งหากพรรคเพื่อไทยได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลความสัมพันธ์กับ 8 พรรคร่วม จะยังเหนียวแน่นอยู่เพราะยังไม่ได้มีการพูดคุยอะไรไปมากกว่านี้ เชื่อว่าจะมีการเจรจาในเร็ววันนี้ ไม่เย็นวันนี้ก็พรุ่งนี้ คงจะมีแนวทางต่อไป 

 

ส่วนที่ผ่านมาผลักดันนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์เป็นนายกรัฐมนตรีถึงที่สุดแล้วหรือไม่ นายเศรษฐา ระบุว่า ตามที่ฟังดูในทางกฎหมายน่าจะเป็นอย่างนั้น

เมื่อถามต่อว่าการโหวตนายกฯ เมื่อวานกลายเป็นบรรทัดฐานว่าหนึ่งแคนดิเดตสามารถถูกเสนอชื่อได้แค่ครั้งเดียว แล้วการที่จะมีชื่อนายเศรษฐาเป็นผู้ถูกเสนอและยังมีพรรคก้าวไกลเป็นพรรคร่วมอยู่จะส่งผลดีหรือไม่  นายเศรษฐากล่าวว่า การโหวตครั้งเดียวถือเป็นบรรทัดฐานอย่างหนึ่ง การเสนอชื่อครั้งต่อไปต้องคิดให้ดี เจรจาให้เหมาะสม

 

เมื่อถามถึงกรณีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลจะทำอย่างไรให้กฎหมายอาญามาตรา 112 ไม่เป็นปัญหา นายเศรษฐา กล่าวว่า ชัดเจนว่าหากพรรคจะเสนอนายกฯ ครั้งต่อไป มาตรา112 ต้องไม่อยู่ในการแก้ไขหรือยกเลิกไม่เช่นนั้นจะไม่ได้การสนับสนุนจากพรรคการเมืองและ สว. เป็นเรื่องพื้นฐานทางคณิตศาสตร์นับดูก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร

 

เมื่อถามว่าจะทำอย่างไรให้มาตรา 112 ไม่อยู่ในเงื่อนไขการโหวตเลือกนายกฯ และเข้าใจพรรคก้าวไกลมากที่สุด นายเศรษฐากล่าวว่า คงตอบแทนพรรคก้าวไกลไม่ได้ แต่ทางพรรคเพื่อไทยจะต้องมีการพูดคุยกัน หากเราเป็นแกนนำเรื่องนี้จะต้องหยุด

 

ส่วนแนวโน้มการจะได้เสียงสนับสนุนเพิ่มจากพรรคการเมืองอื่น นายเศรษฐา ระบุว่า ตนเองมองว่า เป็นเรื่องที่ล้ำหน้า เพราะ 8 พรรคปัจจุบันมีเสียงเยอะอยู่แล้ว ต้องพูดคุยอีกครั้งว่าจะตกลงกันอย่างไร หากคณะกรรมการบริหารมีมติอย่างไรตนเองก็จะเห็นไปในทิศทางเดียวกัน 

เมื่อถามจะยกหูเจรจาเพื่อขอเสียงสนับสนุนกับ สว. ด้วยตัวเองหรือไม่ นานเศรษฐา กล่าวว่า สว. 250 เสียงเป็นภาคส่วนสำคัญในการโหวตเลือกนายก ส่วนตัวรู้จัก สว.เพียง 1 - 2 คน เชื่อว่าเราตกลงในหลักการได้ พูดคุยกันรู้เรื่องก็จะได้รับเสียงสนับสนุนที่ดีจาก สว. เราอย่าเพิ่งข้ามขั้นเพราะยังผูกมัดกับ MOU อยู่ และอยู่ระหว่างพูดคุยกับคณะเจรจา

 

เมื่อถามว่ามีความเห็นอย่างไรถึงสถานการณ์การบีบให้พรรคเพื่อไทยต้องข้ามขั้ว นายเศรษฐา ตอบว่าหากต้องตอบคำถามนี้ก็ต้องคิดอยู่แล้ว ไม่ได้เป็นโจทย์ที่ซับซ้อน ต้องให้คณะกรรมการบริหารพรรคและคณะเจรจาเป็นผู้ตัดสินใจ ตนเองในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ต้องเตรียมพร้อมเรื่องเศรษฐกิจ มองว่าต้องใจเย็นๆ การเปลี่ยนแปลง ข้ามขั้วหรือเอาพรรคอื่นมาเสริมต้องให้เกียรติผู้ที่ได้รับมอบหมายไปเจรจา ยังมีเวลาอีกหลายวันจนกว่าจะถึงวันที่ 27 ก.ค. ผลการโหวตเมื่อวานน่าผิดหวังแต่ต้องยอมรับและเดินหน้าต่อไป 

 

สำหรับสูตรที่จะดันพรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทยจะมีพรรคก้าวไกลไปจนสุดทางหรือไม่นายเศรษฐา ระบุว่า อยู่ที่ว่าสุดทางคืออะไร การที่พรรคก้าวไกลไม่สามารถส่งชื่อนายกรัฐมนตรีได้แล้วคือสุดทางหรือยัง หากสุดทางแล้วต้องพิจารณาว่าพรรคอันดับสองจะได้รับการมอบหมายหรือไม่ อยากให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดีเรายังร่วมอุดมการณ์กัน ทั้งเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญที่เป็นเรื่องสำคัญมากกว่า

 

เมื่อถามย้ำอีกว่า จำเป็นต้องผลักพรรคก้าวไกลออกหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า เป็นคณิตศาสตร์เบื้องต้นลองนับดูแล้วกัน อย่าให้ตนเองต้องตอบคำถามนี้เลย 

 

ส่วน 8 พรรคร่วมจะโหวตนายกรัฐมนตรีไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่ นายเศรษฐา ระบุว่า ขอไม่ก้าวล่วง ให้ไปตกลงกัน ทั้งนี้ตนไม่ทราบว่าจะเห็นด้วยกับการโหวตให้ตนเองหรือไม่ มองว่าเป็นเรื่องไม่เหมาะสมต้องให้เกียรติพรรคร่วมด้วย

 

ทั้งนี้เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เงื่อนไขที่ไม่มีลุงยังเหมือนเดิมไหม นายเศรษฐา ตอบว่า เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ก็ไม่อยู่แล้ว ก็คงไม่มีแล้วครับ

เมื่อถามย้ำว่า แล้วลุงป้อมล่ะ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่ทราบ ขอให้เป็นไปทีละขั้นตอนดีกว่า

 

นอกจากนี้มีรายงานว่า ภายหลังจากที่นายเศรษฐาเข้าประชุมกับกรรมการบริหารพรรค นายชัยธวัช ตุลาธนเลขาธิการพรรคก้าวไกล ก็เดินทางเข้ามายังที่ทำการพรรคเพื่อไทย คาดว่าเข้ามาหารือถึงการส่งไม้ต่อให้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลต่อไป