ข่าว

นักวิชาการคาด 'ก้าวไกล' อาจไปไกลกว่า 'ยุบพรรค'

นักวิชาการคาด 'ก้าวไกล' อาจไปไกลกว่า 'ยุบพรรค'

28 ก.ค. 2566

'ยุบพรรค' ยังน้อยไป นักวิชาการประเมิน พรรค 'ก้าวไกล' อาจถูกเล่นงาน ถึงขั้นคัดสิทธิ์ ทางการเมือง สส. ทั้งหมดของพรรค

พวงทอง ภวัครพันธุ์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยโพสต์เฟซบุ๊ก มีเนื้อหาว่าพรรคก้าวไกลไม่ใช่แค่ไม่ได้ร่วมรัฐบาล ขอมอง ข้ามช็อตไปยัง worst case scenario สำหรับก้าวไกล ว่าอาจไม่ใช่แค่ถูกยุบพรรค แต่สส.151 คนของก้าวไกลอาจถูกตัดสิทธิ์ด้วย

ความพยายามขัดขวางไม่ให้ก้าวไกลเป็นรัฐบาลปรากฏขึ้นทันทีหลังการเลือกตั้ง ทั้งกลวิธีนอกสภาและในสภา แต่ครั้งนี้ฝ่ายอำมาตย์จะไปไกลถึงขั้นไม่ให้คนกลุ่มนี้ได้มีพื้นที่ในรัฐสภาอีกต่อไป ไม่ว่าจะในฐานะรัฐบาลหรือพรรคฝ่ายค้าน ไม่ใช่แค่ยุบพรรค

 

กรณีที่น่าเป็นห่วงที่สุดของพรรคก้าวไกลอาจไม่ใช่กรณีหุ้น ITV ของคุณพิธา แต่คือกรณีที่อดีตพุทธอิสระร้องเรียนต่อศาลรัฐธรรมนูญว่านโยบายแก้ไขมาตรา 112 ของก้าวไกลเข้าข่ายความพยายามล้มล้างระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขหรือไม่ 

 

ซึ่งหลายฝ่ายมองว่ามีความเป็นไปได้สูงมากว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินว่าผิดจริง

หากดูแนวทางการตัดสินที่ผ่านมาในกรณีข้อเสนอ 10 ข้อให้ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมเมื่อวันที่  10 สิงหาคม 2563 ซึ่งมีเรื่องการยกเลิกมาตรา 112 ด้วย ว่ามีเจตนาล้มล้างการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข  ก็จะยิ่งที่ให้ความกังวลข้อนี้มีน้ำหนักมากขึ้น

 

หากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติว่าพรรคก้าวไกลผิดจริง  กกต.ก็จะรับลูกต่อด้วยการยื่นให้ ยุบพรรค และอาจมีข้อเสนอเพิ่ม ให้ตัดสิทธิ์ทางการเมืองของ สส.ทั้ง 151 คนด้วยเหตุผลว่า บุคคลเหล่านี้ล้วนเห็นด้วยและสนับสนุนนโยบายมาตั้งแต่ช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง พูดอีกอย่างคือ เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับนโยบายนี้ จึงมีความผิดเช่นกัน

 

อะไรคือเหตุผลที่เครือข่ายอำมาตย์ต้องใช้ยาแรงกับก้าวไกล?

 

ก็เพราะ 4 ปีที่ผ่านมา ก้าวไกลได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า แม้ว่าพรรคอนาคตใหม่ได้ถูกยุบพรรค  กรรมการบริหารถูกสิทธิ์ แม้ว่าพรรคจะถูกอภินิหารคะแนนเขย่งของ กกต. แม้ว่าจะเจองูเห่ากินกล้วย จนเหลือ สส. เพียง 53 คน แต่พวกเขาก็สามารถใช้เวทีรัฐสภาสร้างความเสียหายให้กับฝ่ายอำมาตย์ 


- อภิปรายเรื่องงบสถาบันกษัตริย์
- อภิปรายเรื่องตั๋วช้างในวงการตำรวจและอำนาจที่มองไม่เห็น
- อภิปรายสารพัดเรื่องเกี่ยวกับกองทัพ กอ.รมน.
- อภิปรายเรื่องการจับกุมเยาวชนกับมาตรา 112
ฯลฯ

 

ก้าวไกลทำให้ประชาชนเห็นว่าปัญหาของประเทศนี้เป็นปัญหาระดับโครงสร้าง ไม่ใช่เรื่องของผู้นำไม่กี่คน  ทำให้ประชาชนมีความหวังกับแนวทางรัฐสภา-การเลือกตั้งมากขึ้น   และทำให้พรรคได้รับการสนับสนุนจากประชาชนอย่างคาดไม่ถึง

 

ฝ่ายอำมาตย์เห็นแล้วว่าลำพังแค่การยุบพรรค ไม่สามารถหยุดยั้งก้าวไกลได้ดังเช่นที่ผ่านมา  ทั้งนี้ ตั้งแต่รัฐประหาร 2549 เป็นต้นมา ฝ่ายอำมาตย์ใช้สารพัดวิธีเพื่อเล่นงานพรรคการเมืองของฝ่ายทักษิณจนอ่อนเปลี้ย จนพวกเขาจำต้องสยบยอม ไม่แตะต้อง

 

กลไกอำนาจของฝ่ายอำมาตย์ ไม่ใส่เรื่องเหล่านี้ไว้ในนโยบายหาเสียงของตนเอง  – ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ กองทัพ ศาล  องค์กรไม่อิสระทั้งหลาย พวกเขาเขียนรัฐธรรมนูญ 2550 และ 2560 เพื่อทำให้กลไกรัฐสภาและการเลือกตั้งไม่สามารถสะท้อนความต้องการของประชาชนได้อย่างแท้จริงอีกต่อไป

 

ทำให้การเลือกตั้งเป็นเพียงพิธีกรรม เป็นเพียงเครื่องทรงอันสง่างามของระบอบอำมาตย์เท่านั้น,  เลี้ยงพรรคการเมืองเลว ทำลายพรรคการเมืองดี ข่มขู่ด้วยการยุบพรรค-ตัดสิทธิ์นักการเมือง 

 

พวกเขาทำแบบเดียวกันกับพรรคอนาคตใหม่ และก็หวังว่าคนของพรรคนี้จะรู้จักเจียมเนื้อเจียมตัวก้มหัวให้กับตน แต่กลับกลายเป็นตรงกันข้าม พรรคก้าวไกลได้ประกาศว่าพวกเขาเตรียมตัวกับเรื่องนี้มาตลอด

 

หากถูกยุบพรรค พวกเขาก็มีคนที่พร้อมจะก้าวเข้ามารับภารกิจต่อ ส่วนกรรมการบริหารพรรคชุดเก่าก็สามารถหันไปทำงานผ่านกลุ่มก้าวหน้า หนุนเสริมพรรคได้อีก

 

ฉะนั้น  พวกเขาจะปล่อยให้ก้าวไกลอีก 151 คนเป็นฝ่ายค้านที่ทรงพลังต่อไปอีกไม่ได้แล้ว  นี่คือ the worst case scenario สำหรับก้าวไกลและประชาชน 

 

อย่าคิดว่าฝ่ายอำมาตย์จะไม่กล้าทำ หนทางต่อสู้ของพวกเขาเขาเหลือไม่มากแล้ว  และพวกเขาไม่สนใจเรื่องความชอบธรรมนานแล้ว